วันศุกร์ที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

4 leaf clover ตำนานใบโคลเวอร์ ใบไม้แห่งความโชคดี

ใบโคลเวอร์ (leaf clover) ปกติแล้วใบของต้นโคลเวอร์ทั่วไปจะมีเพียง 3 แฉก ซึ่งว่ากันว่า ในต้นโคลเวอร์หนึ่งพันต้นนั้น จะพบใบโคลเวอร์ 4 แฉก (Four leaf clover) ได้เพียงใบเดียวเท่านั้น โอกาสพบใบโคลเวอร์ 4 แฉกจึงเป็นปรากฏการณ์ที่หาได้ยากมาก


ต้นโคลเวอร์จัดอยู่ในพืชตระกูล trifolium repens กลายมาเป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดีตั้งแต่เมื่อใดยังไม่มีใครทราบแน่ชัด แต่มีบันทึกไว้ชัดเจนในยุคกลางของยุโรปประมาณ คริสต์ศตวรรษที่ 17 ซึ่งกล่าวเอาไว้ว่า เป็นวัฒนธรรมเคลติก ( celtic ) ที่พูดถึงใบโคลเวอร์สีขาว ว่า เป็นเครื่องหมายโชคลางถึงความโชคดีของชาวเคลต์ ซึ่งเป็นชนชาติดั้งเดิมในแคว้นเวลส์ (ชนชาติดั้งเดิมของประเทศอังกฤษในปัจจุบัน)


ฟิลิปปาวอริ่ง ได้เขียนถึงความเชื่อเกี่ยวกับใบโคลเวอร์เอาไว้ว่า หากพบใบโคลเวอร์ 4 แฉก เป็นความหมายว่าจะได้พบกับรักแท้ และในวันเดียวกันนั้น ถ้ามอบใบโคลเวอร์ 4 แฉกให้กับใคร ก็จะได้พบกับความโชคดีแบบคาดไม่ถึง แม้ในยามสงคราม หากนักรบประดับใบโคลเวอร์ 4 แฉกไว้บนปกเสื้อ มันจะช่วยให้แคล้วคลาดปลอดภัยได้
อย่างที่กล่าวไปแล้วว่า การเสาะหาใบโคลเวอร์หนึ่งพันต้น มีโอกาสจะพบใบโคลเวอร์ 4 แฉกแค่เพียงใบเดียวเท่านั้น และหากโชคดีเช่นนั้น คุณก็ควรเก็บรักษามันไว้ให้ดีที่สุด เพราะนี่อาจเป็นครั้งเดียวในชีวิต และคุณอาจจะไม่มีโอกาสเห็นมันอีกเลยก็ได้
ในทุกวันนี้บรรดาเครื่องรางนำโชคต่างๆ มากมายก็นิยมทำเป็นรูปจำลอง ซึ่งใบโคลเวอร์ก็เช่นกัน ได้มีการจัดทำเป็นใบจำลอง 4 แฉกเพื่อเป็นเครื่องรางมงคลประจำตัว หลายคนเชื่อกันว่า หากมีมันไว้ในครอบครองแม้เพียงใบเดียวหรือชิ้นเดียว ไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ไหน เดินทางไกล ก็จะพบแต่ความโชคดีตลอดไป……..

ใบโคลเวอร์สี่กลีบ แค่มองคุณก็รู้สึกว่าโชคดีแล้วใช่ไหม
เช่นนั้นแล้ว ในตะวันตกจึงมีความเชื่อว่าหากใครพบโคลเวอร์สี่กลีบ จะประสบโชคดีเป็นอย่างยิ่ง เพราะทั้งหายากและมีความหมายเกี่ยวกับโชคนั่นเอง และยังถือเป็นเครื่องรางชนิดหนึ่งเลยทีเดียว และยังว่ากันว่า วงแหวนหรือมงกุฎที่ร้อยจากดอกโคลเวอร์สามกลีบธรรมดานั้น แทนคำมั่นสัญญาจากชายหนุ่มให้หญิงสาวในทางตะวันตกด้วยเพราะกลีบที่สามกล่าวถึง นั่นคือความรัก
“Many an opportunity is lost because
a person is out looking for four-leaf clovers”
โอกาสหลายอย่างหายไป
ก็เพราะคนมัวแต่มองหาโชค
เพราะความเชื่อที่ว่า มี โคลเวอร์ 4แฉกแล้วจะโชคดี จึงมีการใช้ โคลเวอร์ 4 แฉก มาทำเป็นของที่ระลึก เครื่องประดับ อย่างพวงกุญแจ,สร้อยคอ,สร้อยข้อมือ และแหวน
ใบ clover แบบสี่แฉก เป็นสัญลักษณ์แห่งความโชคดี ถ้าอิงเหตุผลตาหลักวิทยาศาสตร์ ก็น่าจะเป็นเพราะโอกาสที่จะพบแบบสี่แฉกจะยาก เนื่องจากใบแบบสี่แฉกเป็นการกลายพันธุ์มาจากของใบ clover แบบสามแฉก และโอกาสที่จะพบแบบ 4 แฉก จะเกิดขึ้นเพียง 1 ใน 10,000ใบของแบบ 3 แฉกเท่านั้น


แฉกทั้ง 4 ของโคลเวอร์ต่างก็มีความหมาย
o    แฉกแรกคือความหวัง ( Hope )
o    แฉกที่สองคือความเชื่อมั่นและศรัทธา ( Faith )
o    แฉกที่สามคือความรัก ( Love )
o    และแฉกสุดท้ายคือโชคดี ( Luck )


วันเสาร์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

วันชาติของฝรั่งเศส (La Fête Nationale)

วันชาติฝรั่งเศสตรงกับวันที่ 14 กรกฎาคมของทุกปี ซึ่งถือเป็นวันแห่งการปฏิวัติการปกครองจากระบบเจ้าขุนมูลนายไปสู่การปกครองในระบอบสาธารณรัฐ โดยประชาชนทั่วทั้งประเทศได้ลุกฮือขึ้นต่อต้านการปกครองแบบยุกโบราณจนกระทั้งได้รับชัยชนะเป็นครั้งแรกจากบุกเข้าทลายคุกบาสติลที่เปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของการกดขี่ประชาชน เมื่อ 209 ปีก่อนและนำไปสู่การล้มล้างระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ได้สำเร็จ โดยสมัชชาแห่งชาติได้กำหนดโครงสร้างกฏหมายฉบับใหม่ที่ยกเลิกการให้ความมีเอกสิทธิ์ ขจัดเรื่องสินบนและล้มเลิกระบบฟิวดัล(ระบบศักดินา) จากนั้นต่อมาจึงมีการจัดงานฉลองแห่งชาติขึ้นเรียกว่า “The Feast of the Federation” เนื่องในโอกาสครบรอบ 1 ปีของเหตุการณ์จลาจลที่กองกำลังแห่งชาติจากทั่วประเทศได้เดินทางรวมพลกันที่ “Champs-de-Mars” ในกรุงปารีส

             แต่พอหลังจากนั้นการจัดงานฉลองเพื่อรำลึกถึงเหตุการณ์ของวันที่ 14 กรกฎาคม พ.ศ.2332 ก็ต้องหยุดไปเนื่องจากสถานการณ์ภายในประเทศยังคงไม่สงบเกิดสงครามปฏิวัติขึ้นหลายครั้งในช่วงระยะเวลาปี พ.ศ.2335-2345 และมาในสมัย “the Third Republic*”นี้เอง รัฐบาลจึงได้มีความคิดที่จะรื้อฟื้นการจัดงานเฉลิมฉลองวันชาติฝรั่งเศสขึ้นมาใหม่ โดยมีการผ่านร่างกฎหมายฉบับเมื่อวันที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ.2423 ขึ้นมา ซึ่งกำหนดให้วันที่ 14 กรกฎาคม ของทุกปีเป็น วันชาติฝรั่งเศสและได้จัดงานเฉลิมฉลองครั้งแรกขึ้นในปีเดียวกันนั้น

           ทั้งนี้งานจะเริ่มตั้งแต่ค่ำของวันที่ 13 โดยจะมีการแห่คบเพลิงและล่วงเข้าวันรุ่งขึ้นเมื่อระฆังตามโบสถ์วิหารต่าง ๆ หรือเสียงปืนดังขึ้นนั่นเป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่างานฉลองได้เริ่มต้นขึ้นแล้วอย่างเป็นทางการ เริ่มจากริ้วขบวนการสวนสนามของเหล่าทัพ จากนั้นเมื่อถึงช่วงเวลากลางวันประชาชนจะร่วมฉลองด้วยการเต้นรำอย่างรื่นเริงสนุกสนานไปตามท้องถนนและมีการจัดเลี้ยงกันอย่างเอิกเกริกจนถึงเวลาค่ำ ซึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คือการจุดพลและการละเล่นดอกไม้ไฟที่ถือประเพณีปฏิบัติจนถึงปัจจุบัน นอกจากนั้นยังมีสิ่งสร้างความบันเทิงอื่น ๆ อีกมากมายที่จัดขึ้นทั่วประเทศทั้งการจัดการแข่งขันกีฬา การจัดนิทรรศการ งานแสดงสินค้า โดยไม่มีชาวฝรั่งเศสคนใดจะละเลยไม่นึกถึงและร่วมฉลองในวันสำคัญที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของประเทศครั้งนี้


วันศุกร์ที่ 10 กรกฎาคม พ.ศ. 2558

วัฒนธรรม ในประเทศฝรั่งเศสสิ่งที่ควรทำ ไม่ควรทำ


ชาวฝรั่งเศสมีวัฒนธรรมการนอนกลางวัน จึงส่งผลให้ประเทศอาณานิคมของฝรั่งเศสชอบนอนกลางวันตามไปด้วย อย่างไรก็ตามในส่วนลึกของวัฒนธรรม คล้ายคลึงกับของอังกฤษและอิตาลีอยู่แล้ว ไม่สามารถแบ่งได้ชัดเจนเด่นชัด เช่น การจับมือ ภาษา เป็นต้น

สิ่งที่ควรทำ ไม่ควรทำ
1.คุณสามารถกล่าวทักทายว่าบงชู (Bonjour) ซึ่งหมายถึงสวัสดีตอนเช้า
หรือบงซัว (Bonsoir) ที่หมายถึงสวัสดีตอนเย็น
กล่าวลาเมื่อจะจากไปด้วยคำว่า โอเครอวัว (Au revoir)  ที่แปลว่า ลาก่อน
และกล่าวขอบคุณว่า แม็กซิ (Merci) ได้


2. วิธีทักทายสำหรับคนที่รู้จักกันนั้นคือการแลกจูบแก้มซึ่งกันและกัน ไม่ว่าคู่ทักทายของคุณจะเป็นหญิงหรือชาย ตามงานพิธีต่างๆ ชาวฝรั่งเศสใช้วิธีชนแก้มกันทั้งสองข้าง (la bise) ว่ากันว่าชาวปารีสนิยมแนบแก้มกันถึง 4 ครั้ง ถ้าเป็นเมืองนอกเขตปารีสทำเพียง 2 ครั้ง


3. เมื่อไปรับประทานอาหารตามภัตราคารอย่าตะโกนเรียกบริกรว่าการ์ซ็อง (garçon)” ที่ตรงกันกับภาษาอังกฤษว่า boy ซึ่งในภาษาฝรั่งเศสถือว่าไม่ สุภาพ ควรเรียกว่าเมอซิเออร์ และกล่าวคำว่า ซิล วู เปล ซึ่งแปลว่ากรุณา เวลาสั่งอาหารหรือขออะไรเพิ่มเติมจึงถือว่าสุภาพและควรถอดหมวก เสื้อคลุม โอเวอร์โค๊ดหรือแจ้กเก็ต เพื่อแสดงความเคารพต่อสถานที่ก่อนทุกครั้ง


4. สนามหญ้าในฝรั่งเศสมีไว้ให้ดูและชื่นชมความเขียวชอุ่ม ห้ามแตะต้องเด็ดขาด ยกเว้นตามสนามหญ้าที่เปิดเป็นสาธารณะ หากคุณละเมิดกฏเข้าไปในสนามหญ้าซึ่งมีป้าย pelouse interdite แปลว่า สนามหญ้าห้ามเข้า กำกับอยู่ ถือว่าคุณทำผิดกฏหมาย


5. เมื่อชาวฝรั่งเศสต้องการโบกมือลาเขาจะยกมือพร้อมกับขยับนิ้วขึ้นลง ๆ


6. รถแท็กซี่ในฝรั่งเศสนั่งได้ 3 คน เฉพาะที่ตรงด้านหลังคนขับเท่านั้นที่นั่งด้านขวามือข้างหน้าคู่กับคนขับ นั้น มักไว้ให้เป็นที่นั่งของสัตว์เลี้ยง