เป็นน้ำพุที่สวยงามและมีชื่อเสียงมากที่สุดในโลก ชื่อ “เทรวี่” นั้นมาจากคำว่า“ตรีวิอุม” หมายถึงพบกันของถนนสามสาย เป็นอนุสรณ์สไตล์บารอค ออกแบบและก่อสร้างโดย นิโคลา ซาลวี่ ซึ่งองค์สมเด็จสันตะปาปา ครีเมนต์ที่ 12ได้มอบหมายให้สร้างขึ้นในปี 1732 การก่อสร้างดำเนินเรื่อยมาจนกระทั่งภายหลังการสิ้นพระชนม์สมเด็จสันตะปาปาที่ เออร์บัน ที่ 8ได้หยุดชะงักลง และดำเนินการสร้างต่อมาจนแล้วเสร็จในปี 1762 รวม ใช้เวลาทั้งสิ้น 30ปี ทางระบายน้ำ เวอร์โก้ บริเวณลานด้านหน้านั้นก่อสร้างมากว่า 2000ปี ครั้งสมัยโรมโบราณซึ่งปกครองโดยจักรพรรดิออกัสตัส ซึ่ง ตรงเวลา 19 ปี ก่อนคริสตศักราช รูปปั้นแกะสลักที่เลิศหรูอลังการที่อวดโฉมให้ผู้ไปเยือนได้ยลนั้นได้แนวคิดจากความยิ่งใหญ่ของเทพเจ้าเนปจูน “เทพแห่งท้องทะเล”ว่ากันว่า หากใครที่ได้โยนเหรียญลงไปในน้ำ เขาหรือเธอผู้นั้นจะได้กลับมาเยือนอีกในสักวัน
วันอังคารที่ 31 พฤษภาคม พ.ศ. 2559
คำศัพท์เกี่ยวกับอาหารภาษาฝรั่งเศส
La bière
ลา บีแย็รค
เบียร์
Une bouteille
อึน บูแตล
ขวดหนึ่งใบ
Le café
เลอ กาเฟ่
กาแฟ
Une carafe
อึน กาคาฟ
เหยือกสำหรับใส่น้ำหรือไวน์
La carte des vins
ลา กาคเตอะ เด แฟ็ง
รายการไวน์
Le jus
เลอ ฌู
น้ำผลไม้
Le verre
เลอ แฟวค
แก้ว
Les cuisses de grenouille
เล ควุซ เดอ เกรอคนุย
ขากบ
Le foie
เลอ ฟัว
ตับ
Le Pâté
เลอ ปาเต้
มูสที่ทำจากตับ
Le steak tartare
เลอ สเต็ก ตาค์ตารค์
สเต็กปรุงรส
Le tête de veau
เลอ เต๊ท เดอ ฟโว
หัวลูกวัว
À point
อา ป็วง
กึ่งสุกกึ่งดิบ
Bien cuit
เบียง กุย
สุกแบบสมบูรณ์, สุกพอดี
Bleu, saignant
เบลอ, เซนย็อง
ดิบ
Le bifteck
เลอ บีฟเต็ก
สเต็ก
À la broche
อะ ลา บค็อช
ทำให้สุกโดยใช้ไม้เสียบหมุนแล้วย่าง
Carbonisée
กาบองนิเซ่
ย่างกรอบ
Une Saucisse
อึน โซซีส
ไส้กรอก
Le porc
เลอ ป็อค
เนื้อหมู
La viande
ลา วิยองด์
เนื้อ
Une tranche
อึน ทค็องช์
ชิ้นสไลด์
Le poulet rôti
เลอ ปูเล ฮโคติ
ไก่อบ
La volaille
ลา โวลาย
เนื้อขาว
Aïoli
ไอโยลิ
กระเทียมซอสมายองเนส
Le coq au vin
เลอ ค็อก อู แว็ง
ไก่อบซอสไวน์แดง
La crêpe
ลา แคร็ป
เครป
Les huitres
เล อวิท(เทคอะ)
หอยนางรม
Le beurre
เลอ เบอค
เนย
Les oeufs
เลเอิฟ
ไข่
อ้างอิง: http://www.duorecommend.com
หอเอนเมืองปิซ่า (Tower of Pisa)
หอเอนที่ท้าทายกฎของฟิสิกส์ 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก ยุคกลาง |
ประวัติของหอเอนเมืองปิซ่า |
หอเอนเมืองปิซา (Tower of Pisa) ตั้งอยู่ที่เมืองปิซา ในจัตุรัสเปียซซา เดล ดูโอโม (Piazza Del Duomo) หอระฆังของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก เป็นหอทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว สูง 183.3 ฟุต (55.86 เมตร) มีบันได 293 ขั้น เอียง 3.97 องศา ยอดของหอห่างจากแนวตั้งฉาก 3.9 เมตร ค.ศ.1987 หอเอนเมืองปิซาถูกประกาศให้เป็นมรดกโลก โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Piazza Dei Miracoli หอเอนเมืองปิซายังเป็น 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางอีกด้วย ปัจจุบันนี้ หอเอนเมืองปิซ่า ลาดเอียงลงมาประมาณ 13 องศาแล้ว ซึ่งผู้เชี่ยวชาญระบุว่าหอเอนมีโอกาสพังถล่มลงมาแน่นอน โดยทุก ๆ 20 ปี หอคอยแห่งนี้จะเอนลง 1 นิ้ว และมีคนทำนายว่า หอคอยแห่งนี้จะพังถล่มลงมาในปี 2200 หากยังไม่มีใครหาทางป้องกันได้ เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 9 สิงหาคม ค.ศ.1173 สร้างเสร็จเมื่อปี 1350 ใช้เวลาสร้างประมาณ 175 ปี แต่การก่อสร้างหยุดชะงักเมื่อสร้างไปได้ถึงชั้น 3 เนื่องจากพื้นใต้ดินเป็นพื้นดินที่นิ่ม ทำให้ยุบตัว ต่อมาในปี ค.ศ.1272 โดย Giovanni di Simone สร้างให้เอนกลับไปอีกด้านหนึ่งเพื่อให้สมดุล แต่การก่อสร้างในครั้งนี้ ก็ต้องหยุดชะงักลงอีกครั้งเนื่องจากเกิดสงคราม ต่อมาก็มีการสร้างหอต่อขึ้นอีกและสร้างเสร็จ 7 ชั้น ในปี ค.ศ.1319 แต่หอระฆังถูกสร้างเสร็จในปี ค.ศ.1372 โดยใช้เวลาสร้างทั้งหมด 177 ปี |
ความเอนของหอปิซ่า คือมนต์เสน่ห์ที่ทำให้นักท่องเที่ยว คนรักศิลปะและนักวิชาการ ต้องไปสัมผัสความมหัศจรรย์นี้ และต่างมีคำถามว่าหอนี้ จะสามารถอยู่ได้ไปตลอดกาล หรือจะพังลงมาเมื่อไหร่และยังมีนักดาราศาสตร์ชื่อดังของโลก ที่ชื่อ กาลิเลโอ ๆ เคยทำการทดลองน้ำหนักของวัตถุ และกฏแห่งแรงดึงดูดของโลกเป็นผลสำเร็จ ณ. ที่หอเอนแห่งเมืองปิซ่า
|
วันอังคารที่ 17 พฤษภาคม พ.ศ. 2559
วันพฤหัสบดีที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2559
รางวัลปาล์มทองคำ
เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์จัดเป็นประจำทุกปีตั้งแต่ ค.ศ. 1946 ที่เมืองคานส์ ประเทศฝรั่งเศส นับได้ว่าเป็นเทศกาลภาพยนตร์ที่เก่าแก่ มีชื่อเสียง และได้รับการยอมรับมากที่สุดแห่งหนึ่ง ผู้กำกับภาพยนตร์จากทั่วโลกต่างส่งผลงานของตัวเองมาเปิดตัวในงานนี้ทุกปี คณะกรรมการตัดสินการประกวดนั้นคัดเลือกจากศิลปินนานาชาติระดับ “ปรมาจารย์” ซึ่งล้วนเป็นผู้ได้รับการยอมรับในวงการศิลปะภาพยนตร์ทั้งสิ้น [1] เรียกได้ว่าการจะผ่านด่านการแข่งขันจนได้รับรางวัลจากเทศกาลนี้ไม่ใช่เรื่องง่าย และรางวัลสูงสุดของเทศกาลแห่งนี้ชื่อ รางวัลปาล์มทองคำ
รางวัลปาล์มทองคำ (Palme d’Or) เป็นรางวัลสูงสุดของเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ โดยมีการใช้ชื่อนี้เป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1955 (ปีก่อนหน้านั้นใช้ชื่ออื่น) หลายคนอาจไม่ทราบว่ามีผู้กำกับจากประเทศไทยเคยได้รับรางวัลแห่งเกียรติยศนี้แล้ว 1 ท่าน นั่นคือคุณ อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล จากภาพยนตร์เรื่อง ลุงบุญมีระลึกชาติ (Uncle Boonmee Who Can Recall His Past Lives) ในปี ค.ศ. 2010 [2]
หากนับตั้งแต่ปี 1955 ซึ่งเป็นปีแรกที่เทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์เริ่มใช้ชื่อ “ปาล์มทองคำ” กับรางวัลสูงสุดนั้น จะพบว่าจำนวนผู้กำกับภาพยนตร์ได้รับรางวัลนี้มาจากประเทศต่างๆดังนี้ [3]
สหรัฐอเมริกา 16 คน
อิตาลี 9 คน
ฝรั่งเศส 7 คน
สหราชอาณาจักร 5 คน
ญี่ปุ่น 3 คน
เดนมาร์ก 3 คน
กรีซ 2 คน
เบลเยียม 2 คน
โปแลนด์ 2 คน
ยูโกสลาเวีย 2 คน
เยอรมนีตะวันตก 2 คน
จีน 1 คน
ตุรกี 1 คน
นิวซีแลนด์ 1 คน
บราซิล 1 คน
เม็กซิโก 1 คน
โรมาเนีย 1 คน
สหภาพโซเวียต 1 คน
ออสเตรีย 1 คน
อิหร่าน 1 คน
แอลจีเรีย 1 คน
ไอร์แลนด์ 1 คน
ไทย 1 คน
อิตาลี 9 คน
ฝรั่งเศส 7 คน
สหราชอาณาจักร 5 คน
ญี่ปุ่น 3 คน
เดนมาร์ก 3 คน
กรีซ 2 คน
เบลเยียม 2 คน
โปแลนด์ 2 คน
ยูโกสลาเวีย 2 คน
เยอรมนีตะวันตก 2 คน
จีน 1 คน
ตุรกี 1 คน
นิวซีแลนด์ 1 คน
บราซิล 1 คน
เม็กซิโก 1 คน
โรมาเนีย 1 คน
สหภาพโซเวียต 1 คน
ออสเตรีย 1 คน
อิหร่าน 1 คน
แอลจีเรีย 1 คน
ไอร์แลนด์ 1 คน
ไทย 1 คน
เป็นที่น่าสังเกตว่ามีเพียง ญี่ปุ่น จีน อิหร่าน และ ไทย เท่านั้นที่เป็นประเทศจากเอเชียที่เคยได้รับรางวัลเกียรติยศแห่งโลกภาพยนตร์ชิ้นนี้
ศิลปะคือหนึ่งในดัชนีชี้วัด “ความเจริญ” ของสังคมมนุษย์นับแต่โบราณกาล อารยธรรมมนุษย์ที่เจริญกว่าจะมีความก้าวหน้าทางศิลปะที่มากกว่าอารยธรรมอื่น แม้จะมีเหตุปัจจัยมากมายที่ช่วยส่งเสริมพัฒนาการของศิลปะ แต่เป็นที่ทราบกันดีว่าเสรีภาพในการสร้างสรรค์สิ่งที่แตกต่าง และทักษะการเรียนรู้ที่จะผสมผสานความงามในแบบต่างๆเข้าด้วยกันเพื่อสร้างสิ่งใหม่ๆ คือสิ่งจำเป็นอย่างยิ่งโดยเฉพาะในโลกยุคนี้
การที่ไทยซึ่งเป็นประเทศเล็กๆในเอเชีย – เมื่อเทียบกับจีน ญี่ปุ่น หรือ อิหร่าน – สามารถมีภาพยนตร์ซึ่งถ่ายทำในประเทศไทย ด้วยภาษาไทย โดยผู้กำกับไทย ได้รับรางวัลเกียรติยศสูงสุดระดับโลกนั้นจึงไม่ใช่เรื่องธรรมดา แต่น่าเสียดายที่เราไม่มีข้อมูลแน่ชัดว่ามีคนไทยกี่คนที่มีโอกาสได้ชมภาพยนตร์แห่งเกียรติยศระดับโลกเรื่องนี้
อ้างอิง : http://whereisthailand.info/
เทศกาลหนังเมืองคานส์ กับ 10 เรื่องที่คุณอาจไม่เคยรู้!
1. เทศกาลหนังเมืองคานส์ปี1946: กำเนิดเทศกาลหนังเมืองคานส์ ครั้งแรก!
เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์เกิดขึ้นจากการผลักดันของฌอง เซ(Jean Zay)รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการศึกษาและศิลปะที่ต้องการให้ฝรั่งเศสมีเทศกาลทางวัฒนธรรมที่ทัดเทียมกับเทศกาลภาพยนตร์เมืองเวนิซของอิตาลี โดยมีกำหนดจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1939 แต่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้นเสียก่อน จึงต้องเลื่อนไปเปิดเทศกาลในวันที่ 20 กันยายน ค.ศ. 1946
2. เทศกาลหนังเมืองคานส์ปี1953:ชุดขโมยซีนจากสาวน้อยวัย 19
บริจิตต์ บาร์โดต์ ในวัย 19 ปี ไปร่วมงานเทศกาลหนังเมืองคานส์เป็นครั้งแรกในปี 1953 และขโมยซีนจากพรมแดงด้วยการสวมชุดบิกินี่อวดความงามบนชายหาด บาร์โดต์ทำให้บิกินี่เป็นชุดที่สาวๆ ต้องมี และภาพยนตร์ที่เธอนำแสดงเรื่อง And God Created Woman ทำให้เมืองชายทะเลของฝรั่งเศสอย่าง Saint-Tropez ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำกลายเป็นเมืองหลวงแห่งการเฉิดฉายในชุดบิกินี่ไปโดยปริยาย
3.เทศกาลหนังเมืองคานส์ 1955 : เกรซ เคลลี่ จากสามัญชนสู่เจ้าหญิงแห่งโมนาโค
นี่คือเกรซ เคลลี่ ขณะเดินทางไปร่วมงานที่คานส์ในปี 1955 ซึ่งในระหว่างนั้นเธอได้พบกับคู่ชีวิตในอนาคต คือ เจ้าชายเรนิเยร์ที่ 3 แห่งโมนาโค ไม่น่าแปลกใจจริงๆ ว่าทำไมเจ้าชายถึงตกหลุมรักเกรซ ก็ดูเธอสิ ออกจะสวยสง่าซะขนาดนั้น และคุณทราบหรือไม่ว่า ในวันเปิดเทศกาลหนังเมืองคานส์ปี 2014นี้ จะมีการฉายชีวประวัติของเจ้าหญิงเกรซ เป็นหนังเปิดเทศกาลด้วย โดยมีชื่อเรื่องว่า Grace The Monaco นำแสดงโดย นิโคล คิดแมน!
4.เทศกาลหนังเมืองคานส์ 1957 : เทียร่าเพชรของอลิซาเบธ เทเลอร์
เอลิซาเบธ เทย์เลอร์ สวมเทียร่าไปร่วมงานเทศกาลหนังเมืองคานส์ปี 1957 เทียร่าชิ้นนี้เป็นของขวัญจากสามีโปรดิวเซอร์ของเธอ นาม ไมค์ ทอดด์ ซึ่งเธอมักจะกล่าวถึงเขาอย่างให้เกียรติเสมอว่า “ทอดด์คือราชาของฉัน” ไมค์ ทอดด์จึงให้ของขวัญเธอเป็นมงกุฎราชินีที่คู่ควรซะเลย!
5.เทศกาลหนังเมืองคานส์ปี1974 : ตะกร้าพรมแดงที่มาของกระเป๋าแบรนด์ดัง
เจน เบอร์กิน ถ่ายภาพคู่กับ แซร์จ แก็งสบูรก์ ที่คานส์ในปี 1974 เบอร์กินเป็นนักร้องนักแสดงชาวอังกฤษที่มักสะพายตะกร้าไปไหนมาไหนจนเป็นสไตล์เฉพาะตัว วันหนึ่งในปี 1981 ขณะที่เธอนั่งเครื่องบินจากปารีสไปลอนดอน เบอร์กิน บ่นให้ฌอง-หลุยส์ ดูมาส์ เจ้าของแบรนด์ Hermès ในขณะนั้นฟังว่าการจะหากระเป๋าหนังแบบลำลองเหมาะๆ สักใบเป็นเรื่องยากสำหรับเธอ อีก 3 ปีต่อมาเธอก็ได้รับกระเป๋าหนังสีดำจากแอร์เมส ซึ่งเธอนำมาใช้จนทำให้กระเป๋ารุ่นนี้มีชื่อว่า “เบอร์กิน” (Birkin) นั่นเอง เก๋ซะ!
6.เทศกาลหนังเมืองคานส์ปี 1987
เจ้าหญิงไดอาน่าเสด็จพร้อมเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์เยือนเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ในปี 1987 ฉลองพระองค์และความงดงาม ถูกล่าวขวัญถึงอย่างมาก เรียกเสียงฮือฮา และเป็นที่สนใจไม่แพ้เหล่าดาราดัง
7.เทศกาลหนังเมืองคานส์ปี 1998 : การเดินทางของปาล์มทองคำ
แบรนด์นาฬิกาและเครื่องประดับอัญมณีอย่าง Chopard เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนการจัดเทศกาลหนังเมืองคานส์อย่างเป็นทางการในปี 1998 พร้อมทั้งออกแบบรางวัลปาล์มทองคำใหม่ Chopard ยังได้ก่อตั้งรางวัล Trophee Chopard ซึ่งมอบให้แก่นักแสดงรุ่นใหม่ฝีมือดี เพื่อเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของเมือง
8.เทศกาลหนังเมืองคานส์ กับ ความหมายของพรมแดง
การเดินพรมแดงที่คานส์ถือเป็นไฮไลต์ที่ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งพรมแดงนี้สื่อความหมายถึงการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่และเสมอภาคที่มีให้กับคนในวงการภาพยนตร์ทั้งระดับปรมาจารย์และคลื่นลูกใหม่ที่น่าจับตามอง รวมถึงเป็นการเชิดชูความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ของบุคคลเหล่านี้ ซึ่งทำให้เทศกาลนี้ยืนยงและเป็นที่ยอมรับมาจนถึงปัจจุบัน
แต่คุณรู้หรือไม่ การเดินพรมแดงจะมีช่วงเวลาที่ถือเป็นโมเม้นต์ประวัติศาสตร์ด้วย นั่นคือ การกั้นพรมแดงให้แก่แขกระดับวีไอพี ที่ถูกเชิญมาโดยเฉพาะ โดยตัวแทนของแบรนด์ที่ให้การสนับสนุน จะลงมาจากรถลีมูซีและเดินเข้าสู่พรมแดงทีละคน พร้อมการขานชื่อและรายนามของสปอนเซอร์ที่ส่งเหล่าตัวแทนนั้นมา ซึ่งลอรีอัล ปารีส เมคอัพ เครื่องสำอางค์แบรนด์ดังระดับโลก ได้คัดเลือก อารยา เอ. ฮาร์เก็ตให้เป็น 1 ใน 4 ตัวแทนที่ไปยืน ณ จุดนั้นมาแล้ว!…เอ็กซ์คลูซีฟสุดๆ!
9.รู้หรือไม่ L'Oréal Paris ได้เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของงานเทศกาลหนังเมืองคานส์ตั้งแต่ปี 1997 นับเป็นเวลากว่า 17 ปี ที่ L’Oreal ดูแลความงามของ ตา ปาก แก้ม ผิวหน้าและเล็บของเหล่าศิลปิน ดารา เซเลบริตี้ส์ที่มาร่วมงาน โดยในแต่ละปี L’Oreal จะมีการโชว์เคสเมคอัพคอลเลคชั่นและเทรนด์การแต่งหน้าล่าสุด ด้วยการโชว์โฉมแบบชวนตะลึงของเหล่า Brand Ambassador ที่จะมาโชว์ตัวบนพรมแดงในช่วงเวลาสุดแสน Exclusive ที่กั้นไว้ให้เฉพาะทูตของลอรีอัลได้ยืนเท่านั้น ซึ่งภายหลังจากที่ ‘ลุค’ สวยบนใบหน้าของเหล่าแอมบาสเดอร์แพร่ภาพออกไป ลุคเหล่านั้นก็จะกลายเป็นเทรนด์ที่สาวๆ ทั่วโลกใช้แต่งหน้าตลอดทั้งปี!
10. เทศกาลหนังเมืองคานส์ปี2010: คนไทยคว้ารางวัลปาล์มทองคำเป็นครั้งแรก
2010 คือปีที่คนไทยคว้ารางวัลปาล์มทองคำได้เป็นครั้งแรก! จากภาพยนตร์เรื่อง ลุงบุญมีระลึกชาติ กำกับโดย อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล หรือ เจ้ย โดยก่อนหน้านี้ในปี 2002 เขาเคยได้รับรางวัล Un Certain Regard ในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ จากภาพยนตร์เรื่อง สุดเสน่หา (Blissfully Yours) ซึ่งถูกจัดเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ดีที่สุดที่คานส์โดยนิตยสาร Le Cahiers du Cinema และในปี 2004 ภาพยนตร์เรื่อง สัตว์ประหลาด! (Tropical Malady) ซึ่งร่วมสร้างกับบริษัท Anna Sanders Films ประเทศฝรั่งเศส ได้รับรางวัล Jury Prize
เทศกาลหนังเมืองคานส์ปี2013: คนไทยคนแรกที่เดินพรมแดง ในช่วง Exclusive Moment!
อารยา เอ ฮาร์เก็ต เป็นคนไทยคนแรกที่ได้ร่วมเดินพรมแดงในช่วง Exclusive Moment ของเทศกาลภาพยนตร์เมื่องคานส์ ซึ่งทางผู้จัดงานจัดให้เฉพาะสำหรับแขกระดับ VIP และเหล่าคนดังจากทั่วโลกที่เป็น Brand Ambassador ของผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ มาโชว์ตัวในชุดราตรีเฉิดฉาย พร้อมประกาศชื่อ-สกุล ประเทศ และแบรนด์ที่เป็นตัวแทน เมื่อแขกพิเศษเหล่านี้เดินพรมแดงเสร็จสิ้นแล้ว จึงจะมีการเปิดพรมแดงให้ศิลปิน ดารา นักแสดงและผู้กำกับจากประเทศต่างๆ ที่มีชื่อเข้าชิงรางวัลเดินเข้าสู่งาน
อ้างอิง : http://pantip.com/
เทศกาลภาพยนตร์นานาชาติเมืองคานส์เกิดขึ้นจากการผลักดันของฌอง เซ(Jean Zay)รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการศึกษาและศิลปะที่ต้องการให้ฝรั่งเศสมีเทศกาลทางวัฒนธรรมที่ทัดเทียมกับเทศกาลภาพยนตร์เมืองเวนิซของอิตาลี โดยมีกำหนดจัดขึ้นเป็นครั้งแรกในปี ค.ศ. 1939 แต่เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ขึ้นเสียก่อน จึงต้องเลื่อนไปเปิดเทศกาลในวันที่ 20 กันยายน ค.ศ. 1946
2. เทศกาลหนังเมืองคานส์ปี1953:ชุดขโมยซีนจากสาวน้อยวัย 19
บริจิตต์ บาร์โดต์ ในวัย 19 ปี ไปร่วมงานเทศกาลหนังเมืองคานส์เป็นครั้งแรกในปี 1953 และขโมยซีนจากพรมแดงด้วยการสวมชุดบิกินี่อวดความงามบนชายหาด บาร์โดต์ทำให้บิกินี่เป็นชุดที่สาวๆ ต้องมี และภาพยนตร์ที่เธอนำแสดงเรื่อง And God Created Woman ทำให้เมืองชายทะเลของฝรั่งเศสอย่าง Saint-Tropez ซึ่งเป็นสถานที่ถ่ายทำกลายเป็นเมืองหลวงแห่งการเฉิดฉายในชุดบิกินี่ไปโดยปริยาย
3.เทศกาลหนังเมืองคานส์ 1955 : เกรซ เคลลี่ จากสามัญชนสู่เจ้าหญิงแห่งโมนาโค
นี่คือเกรซ เคลลี่ ขณะเดินทางไปร่วมงานที่คานส์ในปี 1955 ซึ่งในระหว่างนั้นเธอได้พบกับคู่ชีวิตในอนาคต คือ เจ้าชายเรนิเยร์ที่ 3 แห่งโมนาโค ไม่น่าแปลกใจจริงๆ ว่าทำไมเจ้าชายถึงตกหลุมรักเกรซ ก็ดูเธอสิ ออกจะสวยสง่าซะขนาดนั้น และคุณทราบหรือไม่ว่า ในวันเปิดเทศกาลหนังเมืองคานส์ปี 2014นี้ จะมีการฉายชีวประวัติของเจ้าหญิงเกรซ เป็นหนังเปิดเทศกาลด้วย โดยมีชื่อเรื่องว่า Grace The Monaco นำแสดงโดย นิโคล คิดแมน!
4.เทศกาลหนังเมืองคานส์ 1957 : เทียร่าเพชรของอลิซาเบธ เทเลอร์
เอลิซาเบธ เทย์เลอร์ สวมเทียร่าไปร่วมงานเทศกาลหนังเมืองคานส์ปี 1957 เทียร่าชิ้นนี้เป็นของขวัญจากสามีโปรดิวเซอร์ของเธอ นาม ไมค์ ทอดด์ ซึ่งเธอมักจะกล่าวถึงเขาอย่างให้เกียรติเสมอว่า “ทอดด์คือราชาของฉัน” ไมค์ ทอดด์จึงให้ของขวัญเธอเป็นมงกุฎราชินีที่คู่ควรซะเลย!
5.เทศกาลหนังเมืองคานส์ปี1974 : ตะกร้าพรมแดงที่มาของกระเป๋าแบรนด์ดัง
เจน เบอร์กิน ถ่ายภาพคู่กับ แซร์จ แก็งสบูรก์ ที่คานส์ในปี 1974 เบอร์กินเป็นนักร้องนักแสดงชาวอังกฤษที่มักสะพายตะกร้าไปไหนมาไหนจนเป็นสไตล์เฉพาะตัว วันหนึ่งในปี 1981 ขณะที่เธอนั่งเครื่องบินจากปารีสไปลอนดอน เบอร์กิน บ่นให้ฌอง-หลุยส์ ดูมาส์ เจ้าของแบรนด์ Hermès ในขณะนั้นฟังว่าการจะหากระเป๋าหนังแบบลำลองเหมาะๆ สักใบเป็นเรื่องยากสำหรับเธอ อีก 3 ปีต่อมาเธอก็ได้รับกระเป๋าหนังสีดำจากแอร์เมส ซึ่งเธอนำมาใช้จนทำให้กระเป๋ารุ่นนี้มีชื่อว่า “เบอร์กิน” (Birkin) นั่นเอง เก๋ซะ!
6.เทศกาลหนังเมืองคานส์ปี 1987
เจ้าหญิงไดอาน่าเสด็จพร้อมเจ้าฟ้าชายชาร์ลส์เยือนเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ในปี 1987 ฉลองพระองค์และความงดงาม ถูกล่าวขวัญถึงอย่างมาก เรียกเสียงฮือฮา และเป็นที่สนใจไม่แพ้เหล่าดาราดัง
7.เทศกาลหนังเมืองคานส์ปี 1998 : การเดินทางของปาล์มทองคำ
แบรนด์นาฬิกาและเครื่องประดับอัญมณีอย่าง Chopard เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนการจัดเทศกาลหนังเมืองคานส์อย่างเป็นทางการในปี 1998 พร้อมทั้งออกแบบรางวัลปาล์มทองคำใหม่ Chopard ยังได้ก่อตั้งรางวัล Trophee Chopard ซึ่งมอบให้แก่นักแสดงรุ่นใหม่ฝีมือดี เพื่อเป็นการสนับสนุนอุตสาหกรรมภาพยนตร์ของเมือง
8.เทศกาลหนังเมืองคานส์ กับ ความหมายของพรมแดง
การเดินพรมแดงที่คานส์ถือเป็นไฮไลต์ที่ได้รับความสนใจจากสื่อมวลชนมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ซึ่งพรมแดงนี้สื่อความหมายถึงการต้อนรับอย่างยิ่งใหญ่และเสมอภาคที่มีให้กับคนในวงการภาพยนตร์ทั้งระดับปรมาจารย์และคลื่นลูกใหม่ที่น่าจับตามอง รวมถึงเป็นการเชิดชูความสามารถและความคิดสร้างสรรค์ของบุคคลเหล่านี้ ซึ่งทำให้เทศกาลนี้ยืนยงและเป็นที่ยอมรับมาจนถึงปัจจุบัน
แต่คุณรู้หรือไม่ การเดินพรมแดงจะมีช่วงเวลาที่ถือเป็นโมเม้นต์ประวัติศาสตร์ด้วย นั่นคือ การกั้นพรมแดงให้แก่แขกระดับวีไอพี ที่ถูกเชิญมาโดยเฉพาะ โดยตัวแทนของแบรนด์ที่ให้การสนับสนุน จะลงมาจากรถลีมูซีและเดินเข้าสู่พรมแดงทีละคน พร้อมการขานชื่อและรายนามของสปอนเซอร์ที่ส่งเหล่าตัวแทนนั้นมา ซึ่งลอรีอัล ปารีส เมคอัพ เครื่องสำอางค์แบรนด์ดังระดับโลก ได้คัดเลือก อารยา เอ. ฮาร์เก็ตให้เป็น 1 ใน 4 ตัวแทนที่ไปยืน ณ จุดนั้นมาแล้ว!…เอ็กซ์คลูซีฟสุดๆ!
9.รู้หรือไม่ L'Oréal Paris ได้เข้ามาเป็นผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการของงานเทศกาลหนังเมืองคานส์ตั้งแต่ปี 1997 นับเป็นเวลากว่า 17 ปี ที่ L’Oreal ดูแลความงามของ ตา ปาก แก้ม ผิวหน้าและเล็บของเหล่าศิลปิน ดารา เซเลบริตี้ส์ที่มาร่วมงาน โดยในแต่ละปี L’Oreal จะมีการโชว์เคสเมคอัพคอลเลคชั่นและเทรนด์การแต่งหน้าล่าสุด ด้วยการโชว์โฉมแบบชวนตะลึงของเหล่า Brand Ambassador ที่จะมาโชว์ตัวบนพรมแดงในช่วงเวลาสุดแสน Exclusive ที่กั้นไว้ให้เฉพาะทูตของลอรีอัลได้ยืนเท่านั้น ซึ่งภายหลังจากที่ ‘ลุค’ สวยบนใบหน้าของเหล่าแอมบาสเดอร์แพร่ภาพออกไป ลุคเหล่านั้นก็จะกลายเป็นเทรนด์ที่สาวๆ ทั่วโลกใช้แต่งหน้าตลอดทั้งปี!
10. เทศกาลหนังเมืองคานส์ปี2010: คนไทยคว้ารางวัลปาล์มทองคำเป็นครั้งแรก
2010 คือปีที่คนไทยคว้ารางวัลปาล์มทองคำได้เป็นครั้งแรก! จากภาพยนตร์เรื่อง ลุงบุญมีระลึกชาติ กำกับโดย อภิชาติพงศ์ วีระเศรษฐกุล หรือ เจ้ย โดยก่อนหน้านี้ในปี 2002 เขาเคยได้รับรางวัล Un Certain Regard ในเทศกาลภาพยนตร์เมืองคานส์ จากภาพยนตร์เรื่อง สุดเสน่หา (Blissfully Yours) ซึ่งถูกจัดเป็นหนึ่งในภาพยนตร์ที่ดีที่สุดที่คานส์โดยนิตยสาร Le Cahiers du Cinema และในปี 2004 ภาพยนตร์เรื่อง สัตว์ประหลาด! (Tropical Malady) ซึ่งร่วมสร้างกับบริษัท Anna Sanders Films ประเทศฝรั่งเศส ได้รับรางวัล Jury Prize
เทศกาลหนังเมืองคานส์ปี2013: คนไทยคนแรกที่เดินพรมแดง ในช่วง Exclusive Moment!
อารยา เอ ฮาร์เก็ต เป็นคนไทยคนแรกที่ได้ร่วมเดินพรมแดงในช่วง Exclusive Moment ของเทศกาลภาพยนตร์เมื่องคานส์ ซึ่งทางผู้จัดงานจัดให้เฉพาะสำหรับแขกระดับ VIP และเหล่าคนดังจากทั่วโลกที่เป็น Brand Ambassador ของผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ มาโชว์ตัวในชุดราตรีเฉิดฉาย พร้อมประกาศชื่อ-สกุล ประเทศ และแบรนด์ที่เป็นตัวแทน เมื่อแขกพิเศษเหล่านี้เดินพรมแดงเสร็จสิ้นแล้ว จึงจะมีการเปิดพรมแดงให้ศิลปิน ดารา นักแสดงและผู้กำกับจากประเทศต่างๆ ที่มีชื่อเข้าชิงรางวัลเดินเข้าสู่งาน
อ้างอิง : http://pantip.com/
12 เมืองต้องห้าม...พลาด
นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย เปิดเผยว่า “ททท. จัดโครงการ “เมืองต้องห้าม...พลาด” ตามแนวคิดปีท่องเที่ยววิถีไทย โดย ททท. ได้คัดเลือก 12 จังหวัดทางเลือก จาก 5 ภูมิภาคทั่วประเทศ ตามแนวนโยบายเชิงกลยุทธ์ด้านการตลาด เพื่อขยายฐานการท่องเที่ยวจากจังหวัดหลักที่มีจำนวนนักท่องเที่ยวเดินทางไปเยือนเป็นจำนวนมากอยู่แล้ว เชื่อมโยงท่องเที่ยวไปยังจังหวัดทางเลือกทั้ง 12 จังหวัด ที่มีศักยภาพ มีจุดเด่น ทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ วิถีชีวิต และศิลปวัฒนธรรม และมีความพร้อมในการรองรับนักท่องเที่ยว ภายใต้โครงการ “เมืองต้องห้าม....พลาด” โดยคาดว่าผลสำเร็จของการจัดโครงการนี้ จะช่วยสร้างกระแสการรับรู้หลงรักประเทศไทย และส่งเสริมการเดินทางของนักท่องเที่ยวได้ตลอดปีไม่น้อยกว่า 136 ล้านคน” “โครงการ “เมืองต้องห้าม...พลาด” เกิดจากแนวคิดหลัก คือ นำจุดเด่นของจังหวัดต่างๆ อีกหลายจังหวัดที่คนไทยยังไม่เคยรับรู้ หรือไม่เคยรู้ว่ามีอะไรที่น่าสนใจ โดยอาจถูกมองข้าม แต่แท้จริงเป็นเมืองที่มีศักยภาพ มีเรื่องราวที่น่าสนใจและมีเอกลักษณ์ของตัวเอง ไม่แพ้จังหวัดท่องเที่ยวที่เป็นที่รู้จักกันแพร่หลาย ซึ่งมั่นใจว่านักท่องเที่ยวจะเกิดมุมมองและได้รับประสบการณ์ใหม่ ๆ ที่จะทำให้หลงรักประเทศไทยมากขึ้น” นายกลินท์ กล่าวเพิ่มเติม ทั้งนี้ ททท. ได้คัดเลือกเมืองต้องห้าม...พลาด 12 แห่ง จาก 5 ภูมิภาค ดังนี้ | ||||
เมืองที่ไม่หมุนตามกาลเวลา จ.ลำปาง ต่อให้เราจะก้าวเร็วแค่ไหน เมื่อมาถึงลำปางคล้ายจะกลายเป็นคนเดินช้าที่อยากจะค่อยๆ ซึมซับและสัมผัสความสวยงามของเมืองที่ไม่หมุนตามกาลเวลาแห่งนี้ สถานีรถไฟนครลำปาง สถานีแห่งกาลเวลาของนครลำปาง อาคารอนุรักษ์ดีเด่น ที่ผสมผสานสถาปัตยกรรมไทยภาคเหนือกับสถาปัตยกรรมยุโรปได้อย่างลงตัว (อ.เมือง จ.ลำปาง) ชามตราไก่ สืบสานช่างฝีมือที่สืบทอดกันมากว่าร้อยปี สู่สัญลักษณ์ของเมืองลำปางอันเลื่องลือ มาถึงลำปางแล้วไม่ได้ติดไม้ติดมือเดี๋ยวจะหาว่ามาไม่ถึง หอนาฬิกาลำปาง แม้เวลาดูคล้ายหยุดหมุนในลำปาง แต่เข็มของหอนาฬิกาแห่งนี้ไม่เคยหยุดเดิน (วงเวียน ต.สบตุ๋ย อ.เมืองลำปาง จ.ลำปาง) ถนนสายวัฒนธรรม สัมผัสวิถีชุมชนคนลำปางอย่างใกล้ชิด ถนนสายนี้มีกิจกรรมดีๆ ทุกสัปดาห์ ทั้ง “กาดหมั้วคัวแลง”ถนนคนเดินวันศุกร์ เวลา 16.00-21.00 น. และ “กาดหมั้วคัวงาย” ตลาดเช้าวันอาทิตย์ เริ่มตั้งแต่ 7.00 น. (ถ.วังเหนือ อ.เมือง จ.ลำปาง) วัดพระธาตุลำปางหลวง วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองลำปาง อลังการเงาพระธาตุกลับหัว (ถ.ลำปาง-เกาะคา ต.ลำปางหลวง อ.เกาะคา จ.ลำปาง) วัดปงสนุก วัดสำคัญคู่ลำปางมาช้านานตั้งแต่สมัยหริภุญชัย และได้รับรางวัลด้านการอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมจากยูเนสโก (ต.เวียงเหนือ อ.เมือง จ.ลำปาง) วัดพระแก้วดอนเต้าสุชาดาราม วัดเก่าแก่สวยงามอายุนับพันปี เคยเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกต (ต.เวียงเหนือ อ.เมือง จ.ลำปาง) วัดเจดีย์ซาวหลัง ชื่นชมความงดงามเจดีย์ 20 องค์ ตามแบบศิลปะล้านนาผสมศิลปะพม่า หากใครนับได้ครบ 20 องค์ถือเป็นคนมีบุญ (ถ.ลำปาง-แจ้ห่ม อ.เมือง จ.ลำปาง) บ้านเสานัก บ้านไม้สักโบราณศิลปะพม่าผสมล้านนา ที่มีเสาเรือนถึง 116 ต้น ยังคงความสมบูรณ์แบบมาจนถึงปัจจุบัน (เลขที่ 6 ถ.ราษฎร์วัฒนา ต.เวียงเหนือ อ.เมือง จ.ลำปาง โทร.0-5422-7653, 0-5422-4636) สะพานรัษฎา เพราะสะพานปูนนี้มีที่มา ร้อยเรียงเรื่องราวของลำปางจากอดีตกาลสู่ปัจจุบัน (ริมแม่น้ำวัง ต.หัวเวียง อ.เมือง จ.ลำปาง) ถนนคนเดินกาดกองต้า จับจ่ายอย่างสนุกสนานและสัมผัสความเป็นกันเองของพ่อค้าแม่ขาย ที่เรียงรายด้วยบ้านเก่าเสริมบรรยากาศคลาสสิก (ขนานกับแม่น้ำวัง ในซอยตลาดจีนริมน้ำ เปิดขายเฉพาะวันเสาร์และวันอาทิตย์) วัดศรีรองเมือง งดงามด้วยลวดลายฉลุโลหะของศิลปกรรมพม่า ให้ความรู้สึกอ่อนช้อยและพริ้วไหวทุกครั้งที่ได้เห็น (บ้านท่าคร่าวน้อย ต.สบตุ๋ย อ.เมือง จ.ลำปาง) พิพิธภัณฑ์หอปูมละกอน เปิดบันทึกปูมหลังครั้งเก่า เรื่องเล่าน่าฟังจากเขลางค์นคร (สำนักงานเทศบาลนครลำปาง ห้าแยกหอนาฬิกา ถ.ฉัตรไชย, ต.สบตุ๋ย อ.เมือง จ.ลำปาง โทร.0-5423-7237) วัดศรีชุม วัดพม่าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย วิหารและโบสถ์มีศิลปะแบบพม่าที่งดงามและสมบูรณ์แห่งหนึ่งในภาคเหนือ (ถ.ทิพวัลย์ อ.เมือง จ.ลำปาง โทร.0-5462-0823) ศูนย์อนุรักษ์ช้างไทย ช.ช้างน่ารัก ที่ต้องรักษ์และดูแลให้อยู่คู่บ้านคู่เมืองของเราตลอดไป (กม.28-29 ถ.ลำปาง-เชียงใหม่ ต.เวียงตาล อ.ห้างฉัตร จ.ลำปาง โทร.0-5482-9333 http://www.thailandelephant.org) วัดพระธาตุจอมปิง มหัศจรรย์เงาสะท้อน “พระธาตุกลับหัว”สีสันเสมือนจริง อีกแห่งหนึ่งของเมืองลำปาง (อ.เกาะคา จ.ลำปาง โทร.0-5436-2893) วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์ ครั้งหนึ่งในชีวิตกับความศรัทธาดั่งผาสูง เจดีย์บนเขา สวรรค์สุดขอบฟ้าของลำปางที่ไม่ควรพลาด (หมู่ที่ 7 บ้านทุ่งทอง ต.วิเชตนคร อ.แจ้ห่ม จ.ลำปาง) | ||||
คงฟินดีไม่น้อยถ้าทะเลหมอกลอยมาเคาะหน้าต่างยามเช้า คงเพลินดีไม่เบา ถ้าสองตาได้ดื่มด่ำดอกไม้บานกลางภูสูง ที่นี่ล่ะ...เพชรบูรณ์ ภูทับเบิก ภูเขาสูงสุดของเพชรบูรณ์ ที่ที่มีความสนุกสนานกลางทุ่งกะหล่ำยักษ์ และนอนอาบหนาวใต้ดาวพราวฟ้า (ตำบลวังบาล จ.เพชรบูรณ์) สวนดอกไม้เมืองหนาวภูทับเบิก แหล่งท่องเที่ยวน้องใหม่ ไฉไลด้วยสีสันดอกไม้สดใสน่ารัก (ภูทับเบิก ต.วังบาล จ.เพชรบูรณ์) วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว ประจักษ์แห่งศรัทธาที่งดงามที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทย (ตั้งอยู่ บริเวณเนินเขาในหมู่บ้านทางแดง ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ http://www.phasornkaew.org ) เขาค้อ หยิกสายหมอก หยอกสายลม กลมเกลียวกับทิวเขาน้อยใหญ่ ในบรรยากาศสวิตเซอร์แลนด์แบบไทยๆ (อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์) อ่างเก็บน้ำรัตนัย พักผ่อนหย่อนใจริมทะเลสาบที่มีอะไรมากกว่าผืนน้ำและแผ่นฟ้า (บนทางหลวงหมายเลข 2325 เลยกิโลเมตรที่ 5 อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์) น้ำตกศรีดิษฐ์ ความสวยงามของชั้นหินและสายน้ำที่ชุ่มฉ่ำตลอดทั้งปี (บ้านร่มโพธิ์ร่มไทร หมู่ที่ 10 ต.หนองแม่นา อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์) ทุ่งแสลงหลวง สะวันนาเมืองไทยที่ละลายหัวใจนักท่องธรรมชาติด้วยป่าสน หมอกยามเช้า และขุนเขาตระหง่าน (ต.หนองแม่นา อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ โทร.0-5526-8019) ไร่ต้นยาสูบ เพชรบูรณ์ไม่ได้ดังแค่กะหล่ำปลีเท่านั้น หากยังเป็นแหล่งต้นยาสูบที่ใหญ่อันดับหนึ่งของเมืองไทยด้วยนะ! (จากทางหลวงหมายเลข 21 วิ่งไป อ.หล่มสัก) อนุสรณ์สถานผู้เสียสละเขาค้อ วีรกรรมผู้กล้าบนภูสูง ปรุงประวัติศาสตร์ให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา (บนยอดสูงสุดของเขาค้อ) อุทยานแห่งชาติน้ำหนาว ที่สุดแห่งธรรมชาติของเพชรบูรณ์ อุดมด้วยเถื่อนถ้ำ น้ำตก จุดชมวิว และป่าเปลี่ยนสี (ที่ทำการอุทยานฯ ตั้งอยู่ตรงหลักกิโลเมตรที่ 50 ทางหลวงหมายเลข 12 เส้นหล่มสัก-ชุมแพ โทร.0-5672-9002) ไร่กำนันจุล ไร้ส้มที่โด่งดังที่ในจังหวัดเพชรบูรณ์ จากการทดลองค้นคว้าและพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ปัจจุบันไร่กำนันจุลมีผลผลิตทางการเกษตรมากมาย ไม่ใช่เพียงแค่ส้มเขียวหวานที่เลื่องชื่อเท่านั้น ยังมีผลไม้อีกมากมายที่โด่งดัง (442 หมู่ที่ 3 ถ.สามัคคีชัย ต.วังชมภู อ.เมือง จ.เพชรบูรณ์) | ||||
น่าน ตำนานแห่งขุนเขา เมืองเก่าที่มีชีวิต และวัฒนธรรมที่โดดเด่น เพราะหัวใจน่ารักของคนน่าน และบรรยากาศโรแมนติก ไม่น่าแปลกใจเลยว่า ทำไมที่นี่จึงเป็นปฐมบทของการกระซิบรักได้ละมุนละไมที่สุดของเมืองไทย ภาพกระซิบรักบันลือโลก อมตะแห่งภาพจิตรกรรมปู่ม่านย่าม่าน ประดับบนผืนผนังท้าทายกาลเวลา (อยู่ภายในวัดภูมินทร์ บ้านภูมินทร์ อ.เมือง จ.น่าน โทร.0-5471-0935) วัดภูมินทร์ หนึ่งเดียวในเมืองไทยกับพระวิหาร พระอุโบสถ และเจดีย์ทรงจตุรมุขที่เทินไว้กลางลำตัวนาคคู่ (วัดภูมินทร์ อ.เมือง จ.น่าน โทร.0-5471-0935) วัดมงคล ความรักจะยืนยงด้วยการนั่งลงถวายเทียนคู่แด่องค์พระประธาน (ถ.มหาวงศ์ อ.เมือง จ.น่าน) วัดพระธาตุแช่แห้ง ไม่เพียงเป็นพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองน่านเท่านั้น หากยังเป็นพระธาตุประจำชีวิตของคนเกิดปีเถาะ (หมู่ 3 บ้านหนองเต่า ตำบลม่วงตึ๊ด อ.ภูเพียง จ.น่าน โทร.0-5475-1846) วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร พระอารามหลวง จากสุโขทัยส่งใจไปถึงน่าน ทุกเรื่องเล่าขานผ่านอารามเก่าแก่กลางเมือง (ต.ในเวียง อ.เมือง จ.น่าน โทร.08-7177-6688, 0-5477-2164) พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่าน เก็บรวมทุกรายละเอียดของความเป็นเมืองน่าน สัมผัสงาช้างดำหนึ่งเดียวในไทย (ถ.ผากอง ต.ในเวียง อ.เมือง จ.น่าน โทร.0-5471-0561) หอศิลป์ริมน่าน รวมหัวใจรักในงานศิลป์จากศิลปินถิ่นน่านแท้ๆ (122 หมู่ 2 ต.บ่อ อ.เมือง จ.น่าน ตั้งอยู่ริมทางหลวง กม.20 ห่างจากตัวเมือง 20 กิโลเมตร โทร.0-5479-8046 , 08-1322-2912) ดอยเสมอดาว (อุทยานแห่งชาติศรีน่าน) โรแมนติกที่สุดแล้ว ถ้าได้มาอาบฟ้าห่มดาวบนยอดดอยแห่งนี้ (อุทยานแห่งชาติศรีน่าน อ.นาน้อย จ.น่าน โทร. 0-5473-1714) อุทยานแห่งชาติขุนสถาน สีชมพูบานสะพรั่ง ขับขานความหวานแว่วทั้งทิวเขา (บ้านขุนสถาน ต.สันทะ อ.นาน้อย จ.น่าน โทร.08-1883-8184, 0-5470-1121) เส้นทาง 1148 ท่องไปบนถนนเส้นสวย scenic route ที่โรแมนติกที่สุดของเมืองไทย (อ.ท่าวังผา จ.น่าน - อ.เชียงคำ จ.พะเยา) วัดหนองบัว หัวใจแห่งไทลื้อ เลื่องลือภาพจิตรกรรมฝาผนัง (ต.ป่าคา อ.ท่าวังผา จ.น่าน) บ่อเกลือ สืบสานตำนานการต้มเกลือสินเธาว์บนภูเขาแบบโบราณที่วันนี้หาชมได้ยากเต็มที (อ.บ่อเกลืออยู่ห่างจากตัวเมืองน่านประมาณ 80 กิโลเมตร) อำเภอปัว เมืองน่ารัก ชุมชนน่าอยู่ ธรรมชาติสุขสงบ ในบรรยากาศสุดโรแมนติก (อ.ปัวอยู่ห่างจากตัวเมืองน่านประมาณ 60 กิโลเมตร) อุทยานแห่งชาติดอยภูคา ในวันที่ฟ้าเป็นใจ จะได้เห็นความงามหนึ่งในโลกของดอกชมพูภูคา (อ.ปัว จ.น่าน โทร.08-1882-5999, 0-5470-1000) | ||||
เมืองปราสาทสองยุค จ.บุรีรัมย์ จากดินแดนที่หยัดยืนบนรอยอดีตที่เต็มไปด้วยปราสาทหิน กำลังพลิกโฉมไปสู่ความล้ำสมัยของปราสาทยุคใหม่ ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าบุรีรัมย์กำลัง...‘อิน’ อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง อ.เฉลิมพระเกียรติ ปราสาทบนยอดภูเขาไฟที่สวยงามที่สุด กับปรากฏการณ์มหัศจรรย์ของแสงตะวันสาดส่องลอด 15 ช่องประตู (อยู่ห่างจากตัวเมืองบุรีรัมย์ลงมาทางทิศใต้ประมาณ 77 กิโลเมตร สอบถามเพิ่มเติมที่ โทร.0-4466-6251, 0-4466-6252) ปราสาทเมืองต่ำ หนึ่งในความคลาสสิกแห่งบุรีรัมย์ที่ยืนยงอย่างไร้กาลเวลา (ตั้งอยู่ที่ ต.จระเข้มาก ห่างจากปราสาทหินพนมรุ้ง 8 กิโลเมตร สอบถามเพิ่มเติมที่ โทร.0-4466-6251, 0-4466-6252) สนามไอโมบาย สเตเดียม หรือปราสาทสายฟ้า ยกระดับบุรีรัมย์สู่เมืองกีฬาระดับโลก ด้วยสนามฟุตบอลมาตรฐานฟีฟ่าแห่งแรกและแห่งเดียวในไทย (ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โทร. 09-3303-2557) สนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต มอเตอร์สปอร์ตระดับมาตรฐานสากลหนึ่งเดียวในไทย ที่จัดประลองความเร็วและแรงปานสายฟ้าแลบ (ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์) เพ ลา เพลิน บูติก รีสอร์ท แอนด์ แอดเวนเจอร์ แคมป์ เติมความสดชื่นให้ชีวิตด้วยสีสันของพรรณไม้ในโซนฟลอร่า และผจญภัยในแคมป์เรียนรู้ที่สมบูรณ์ที่สุดของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ (252 หมู่ที่ 7 ต.หนองขมาร อ.คูเมือง จ.บุรีรัมย์ โทร.08-7797-4936, 08-7798-1039) ศาลหลักเมือง ความศักดิ์สิทธิ์ที่ร้อยศรัทธาของชาวบุรีรัมย์เป็นหนึ่ง (ถ.จิระ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์) วนอุทยานภูเขาไฟกระโดง จากภูเขาไฟที่นอนหลับใหลสู่การเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจท่ามกลางความสมบูรณ์ของธรรมชาติ (บ้านน้ำซับ ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โทร. 0-4463-7349) หมู่บ้านทอผ้าไหม อ.นาโพธิ์ แหล่งทอผ้าไหมซิ่นตีนแดงผ้าเอกลักษณ์บุรีรัมย์, ผ้าไหมหางกระรอก ผ้านุ่ง ผ้าคลุมไหล่ ผ้ามัดหมี่ คุณภาพดีต้องยกนิ้วให้ที่นี่ (อ.นาโพธิ์ จ.บุรีรัมย์ โทร.0-4468-1657, 08-1967-3849) วัดกลางพระอารามหลวง วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองบุรีรัมย์ ที่เปี่ยมมนต์ขลังจากตำนานสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ (อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ โทร.0-4462-1688) แหล่งดูนกในเขตห้ามล่าสัตว์ป่า อ่างเก็บน้ำสนามบิน/ ห้วยจระเข้มาก/ ห้วยตลาด เมื่อปีกแสนสวยกว่าร้อยสายพันธุ์ โบยบินมาอยู่ร่วมวิถีเดียวกันกลางธรรมชาติบริสุทธิ์ (ทางสายบุรีรัมย์-ประโคนชัยทางหลวงหมายเลข 219) “ผ้าภูอัคนี” ฝ้ายย้อมดินภูเขาไฟของชุมชนบ้านเจริญสุข นำดินภูเขาไฟอังคารที่มีความศักดิ์สิทธิ์มาเป็นวัตถุดิบในการย้อมผ้า (อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์ โทร.08-9526-6071) | ||||
นิยามใหม่ของภาคอีสานที่เล่าขานเรื่องราวเย็นสบายกลางทุ่งดอกไม้สีชมพูบนภูสูง ทริปดีๆ คราวนี้คงละ ‘เลย’ ไม่ได้แล้ว อุทยานแห่งชาติภูเรือ กอดแสงตะวัน ฝันถึงทะเลหมอกจากบนยอดภู (ต.หนองบัว อ.ภูเรือ จ.เลย โทร.08-8509-5299, 0-4281-0965) ตลาดดอกไม้เมืองหนาวบ้านหนองบง ความงามแห่งฤดูกาลที่มาพร้อมลมหนาวๆ หยอกเย้าสีสันของดอกไม้ (ริมถนนทางหลวงหมายเลข 203 สายเลย-ภูเรือห่างจากตัวเมืองประมาณ 47 กม.) ภูลมโล เมื่อนางพญาเสือโคร่งบาน ทั่วทั้งภูเขาจะมีแต่สีชมพูหวานแหวว (ต.กกสะทอน อ.ด่านซ้าย จ.เลย ติดต่อชมการท่องเที่ยวกกสะทอน โทร.09-1373-0903) ภูกระดึง ปฐมบทการเดินป่าที่ทุกคนควรย่ำผ่านเพื่อสัมผัสความเป็นผู้พิชิต (หมู่ที่ 1 บ้านศรีฐาน ต.ศรีฐาน อ. ภูกระดึง จ. เลย โทร.0-4281-0833-4) ภูป่าเปาะ มองดูภูหอพร้อมวิวพานอรามาบนยอดภู ที่ได้ฉายาว่า ‘ฟูจิเมืองเลย’ (บ้านผาหวาย ต.ปวนพุ อ.หนองหิน จ.เลย โทร.08-9764-6829) พระธาตุศรีสองรัก พยานแห่งมิตรภาพระหว่างไทย-ลาวผูกศรัทธาชาวด่านซ้ายไว้เป็นหนึ่งเดียว (อ.ด่านซ้าย สอบถามที่ว่าการอำเภอด่านซ้าย โทร.0-4289-1266) วัดโพนชัย และพิพิธภัณฑ์ผีตาโขน เก็บทุกเรื่องของหน้ากากและเทศกาลผีน่ารัก แล้วนำมาบอกเล่าได้น่าชื่นชม (อ.ด่านซ้าย โทร.08-3359-1819) วัดเนรมิตวิปัสสนา อลังการงานสร้างแห่งศาสนสถาน ต้องแวะมาชมเป็นบุญตาสักครั้ง (20 หมู่ 14 บ้านหัวนายูง ต.ด่านซ้าย อ.ด่านซ้าย จ.เลย 42120 โทร.0-4289-1226, 08-6852-5950) ถนนชายโขง เชียงคาน เสน่ห์ไร้กาลเวลาของห้องแถวไม้เรียงรายริมโขง (อ.เชียงคาน โทร.0-4282-1597) วัดศรีคุณเมือง วัดเก่าคู่ชาวเชียงคาน ชมฮางฮดพญานาคสุดคลาสสิก (อยู่ที่ซอย 7 ถนนชายโขง อ.เชียงคาน) ภูทอก ทะเลหมอกฟูๆ เหนือแม่น้ำโขง ที่นี่ล่ะสวยซึ้ง (ตั้งอยู่บนถนนสายเดียวกันกับแก่งคุดคู้ ห่างจาก อ.เชียงคาน 8 กิโลเมตร) แก่งคุดคู้ เมื่อแม่น้ำโขง ทิวเขา และหินแสนสวย ร้อยรวมกันเป็นเกาะแก่ง (ห่างจาก อ.เชียงคาน 4 กิโลเมตร) วัดศรีโพธิ์ชัยบ้านแสงภา อ.นาแห้ว ประเพณีแห่ต้นดอกไม้ที่ยิ่งใหญ่ของชุมชนที่เปี่ยมด้วยความศรัทธาแห่งพุทธศาสนาในช่วงวันสงกรานต์ (โทร. 08-4789-3162) | ||||
เมืองสายน้ำสามเวลา จ.สมุทรสงคราม เก็บเกี่ยวความสุขเรียบง่าย กับหัวใจของเมืองสายน้ำอย่างสมุทรสงคราม ที่เต็มไปด้วยโมงยามอันน่ารื่นรมย์ตั้งแต่เช้าจรดค่ำ ตักบาตรริมคลอง อรุณสวัสดิ์ในแบบฉบับวิถีริมคลองที่ทุกคนไม่ควรพลาด (ลำคลองต่างๆ ในสมุทรสงคราม) ตลาดน้ำบางน้อย ตลาดน้ำยามเช้ามุมเล็กๆ แต่น่ารักจากคลองบางน้อย (ปากคลองบางน้อย หน้าวัดเกาะแก้ว ต.กระดังงา อ.บางคนที โทร.0-3476-1537 เทศบาลตำบลกระดังงา) ตลาดน้ำท่าคา ความรื่นรมย์ริมฝั่งน้ำที่มีทุกเช้าวันเสาร์ อาทิตย์ และวันข้างขึ้นข้างแรม (ต.ท่าคา อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม มีทุกเช้าวันเสาร์ อาทิตย์ และวันข้างขึ้นหรือข้างแรม 2 ค่ำ 7 ค่ำ และ 12 ค่ำ สอบถาม อบต.ท่าคา โทร. 0-3476-6208) ตลาดน้ำอัมพวา ช็อปปิ้งสารพัดของฝากจากความทรงจำ ณ ตลาดน้ำยามเย็น “อัมพวา” (ตั้งอยู่ใกล้วัดอัมพวันเจติยาราม อ.อัมพวา โทร.0-3475-1351, 0-3475-1359 เทศบาลตำบลอัมพวา) โครงการอัมพวาชัยพัฒนานุรักษ์ ประตูบานใหญ่ที่เปิดไปสู่เรื่องราวความสุขของอัมพวา (เลขที่ 185 - 191 ต.อัมพวา อ.อัมพวา โทร.0-3475-2245) หัตถาธารา ล่องเรือพร้อมนวดเท้า สุขใดเล่าจะเท่าสุขนี้ (นสินสมุนไพร 124/19 หมู่ 6 ต.แม่กลอง อ.เมือง สมุทรสงคราม โทร.08-9672-0205 www.hatthatara.webiz.co.th) ชุมชนบ้านบางพลับ บทตอนชีวิตชาวสวนที่เรียนได้ไม่รู้จบ (อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม โทร.0-3476-1985, 08-9829-7100) วัดบางกะพ้อม ชมจิตรกรรมฝาผนังนูนต่ำ สักการะพระเกจิชื่อดังของอัมพวา (อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม โทร.0-3475-2625) อาสนวิหารแม่พระบังเกิด บางนกแขวก กว่าร้อยปีแล้วที่โบสถ์เก่าแก่แห่งนี้ยืนหยัดอย่างสง่างาม เป็นศูนย์กลางศรัทธาแห่งคริสตศาสนิกชน (หมู่ 7 ต.บางนกแขวก อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม โทร.0-3476-1347) ตลาดเก่าบางนกแขวก ปลุกความร่าเริงของตลาดโบราณให้ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง (ปากคลองบางนกแขวก อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม เทศบาลตำบลบางนกแขวก โทร. 0-3470-3223-4) วัดบางกุ้ง ตำนานแห่งโบสถ์ปรกโพธิ์สุดขลังเกินคำบรรยาย (ต.บางกุ้ง อ.บางคนที จ.สมุทรสงคราม) อุทยาน ร.2 งดงามด้วยหมู่เรือนไทยหัวใจแห่งอัมพวา (ต.อัมพวา อ.อัมพวา จ.สมุทรสงคราม โทร.0-3475-1666) ดอนหอยหลอด ศูนย์รวมความอร่อยแบบฉบับซีฟู้ดกู๊ดเทสต์ (สันดอนปากแม่น้ำแม่กลอง อ.เมือง จ.สมุทรสงคราม) ตลาดร่มหุบ ชีวิตพ่อค้าแม่ขายที่น่าหวาดเสียวที่สุดในเมืองไทย (ติดกับสถานีรถไฟแม่กลอง) | ||||
ความเป็นเมืองศิลปะของราชบุรีมีให้เห็นทุกตารางนิ้ว ศิลปะจากอุโบสถ ศิลปะจากหนังใหญ่ ศิลปะร่วมสมัย ศิลปะเพื่อหัวใจเด็ก สมแล้วที่เมืองเล็กๆ แห่งนี้จะกลายเป็นจุดนัดพบคนรักศิลปะไปโดยปริยาย หอศิลป์ดีคุ้น หอศิลป์ร่วมสมัยแห่งแรกของจังหวัดราชบุรี มาที่นี่แล้วจะได้แรงบันดาลใจกลับไปเพียบ (323 ถ.วรเดช ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ราชบุรี www.facebook.com/THT.dKunst ) เซรามิกเถ้าฮงไถ่ เพราะใส่หัวใจงานศิลป์ลงไปอย่างเต็มเปี่ยม ชิ้นงานเซรามิกที่นี่จึงเป็นมากกว่าข้าวของเครื่องใช้ (234/1 หมู่ที่ 2 ถนนเจดีย์หัก ต.เจดีย์หัก อ.เมือง จ.ราชบุรี โทร.0-3233-7574, 0-3232-3630 www.thtceramic.com) พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติราชบุรี จากวันวานถึงวันนี้ ในตึกเก่าสีหวาน “พิพิธภัณฑ์สีชมพู” ที่เคียงข้างสุนัขลายจุด (ตั้งอยู่ริมถนนวรเดช ตำบลหน้าเมือง ใกล้กับหอนาฬิการิมแม่น้ำแม่กลอง โทร.0-3232-1513) ตลาดเก่า 119 ปีเจ็ดเสมียน ตลาดโบราณที่เต็มไปด้วยชีวิตชีวาจากงานศิลป์ริมน้ำแม่กลอง (มีทุกวันเสาร์และอาทิตย์สุดท้ายของเดือน อยู่ที่ ต.เจ็ดเสมียน อ.โพธาราม จ.ราชบุรี) หนังใหญ่ วัดขนอน ตัวหนังอันวิจิตรสะท้อนถึงศิลปะที่ยิ่งใหญ่ก็จริง หัวใจของคนอนุรักษ์งานศิลป์เช่นนี้ กลับยิ่งใหญ่กว่า (บ้านสร้อยฟ้า อ.โพธาราม จ.ราชบุรี หนังใหญ่แสดงทุกวันเสาร์ เวลา 10.00 น. โทร.0-3223-3386, 0-3235-4272) สุนทรีแลนด์ แดนตุ๊กตา ความสุขของเจ้าตัวเล็กกับโลกแห่งจินตนาการ สร้างสรรค์จากความครีเอทีฟที่น่ารัก (เลขที่ 1/2 ม.1 ต.บ้านสิงห์ อ.โพธาราม จ.ราชบุรี โทร.08-2024-2888, 08-2021-7888 www.suntreelandofdolls.com) จิตรกรรมฝาผนัง วัดคงคาราม ภาพเขียนบนผืนผนัง อลังการจิตรกรรมแห่งยุคสมัย (ต.คลองตาคต อ.โพธาราม จ.ราชบุรี โทร.0-3223-1770, 0-3223-1933) อุทยานหุ่นขี้ผึ้งสยาม ศิลปะแห่งเสกสรรปั้นแต่งที่ดูราวกับมีชีวิตจริง (41/1 ม.3 ต.วังเย็น อ.บางแพ จ.ราชบุรี โทร.0-3238-1401, 0-3238-1404, 08-1526-5930) จิปาถะภัณฑ์สถานบ้านคูบัว ชมตีนจกคูบัวอันเลื่องลือ งานศิลป์บนผืนผ้าอันเป็นมรดกตกทอดจากรุ่นสู่รุ่น (101 หมู่ 6 ต.คูบัว อ.เมือง จ.ราชบุรี โทร.0-3271-1765) The Bloom Orchid Park เบิกบานกลางสีสันของดอกกล้วยไม้งามละลานตา (65 หมู่ 7 ตำบลวัดแก้ว อ.บางแพ จ.ราชบุรี โทร.08-6111-0084 , 08-7111-4436 www.thebloomsorchidpark.com) อำเภอสวนผึ้ง ดินแดนเล็กๆ กลางขุนเขาและไอหนาวเย็นที่เต็มไปด้วยความน่ารักน่ากอด บ้านหอมเทียน บ้านหอมเทียน บ้านหลังน้อยที่เปิดต้อนรับทุกคนด้วยความหอมกรุ่น (ตั้งอยู่หลักกิโลเมตรที่ 33 อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี โทร.08-1841-1895, 08-5845-7379 www.บ้านหอมเทียน.com) ตลาดน้ำเวเนโต้ ช็อปปิ้งกลางบรรยากาศเวนิซจำลองในสวนผึ้ง (อ.สวนผึ้ง โทร.0-3220-6266 , 09-1561-8848 www.venetosuanphueng.com) | ||||
เมืองเกาะในฝัน จ.ตราด เมื่อทะเลใส หาดทรายสงบงาม รีสอร์ตสวยหรู และบริการสุดเอ็กซคลูซีฟ คือความสุขของตราดที่มาเติมฝันของคนรักทะเลได้อย่างเพอร์เฟ็กต์ อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง เกาะที่มีเรื่องราวความยิ่งใหญ่ในตัวเอง และเป็นสวรรค์ของคนรักท้องทะเลอย่างแท้จริง (ต.เกาะช้าง อ.เกาะช้าง จ.ตราด โทร.0-3951-0927, 0-3951-0928) ชุมชนสลักคอก สัมผัสวิถีประมงอันเงียบสงบ ล่องเรือมาดชมป่าโกงกางในแบบฉบับที่คุณคาดไม่ถึง (อยู่ที่เกาะช้างใต้ สอบถามที่ชมรมนำเที่ยวพื้นบ้านสลักคอก โทร.08-4362-5091, 08-7748-9497) ชายหาดเมืองตราด จากหาดบานชื่น หาดราชการุณย์ และอีกหลากหลายผืนทรายที่ทำให้รู้ว่าทะเลตราดไม่ธรรมดาเลยจริงๆ ส่วนแคบสุดของเมืองไทย อันซีนของตราดที่สามารถน็อกเอาท์คอคอดกระระนองไปโดยปริยาย (บ้านโขดทราย ต.หาดเล็ก อ.คลองใหญ่ จ.ตราด) เกาะหมาก เกาะที่เต็มไปด้วยทิวมะพร้าว ทรายขาว และสารพันกิจกรรมความสุขจากท้องทะเล (ต.เกาะหมาก กิ่งอำเภอเกาะกูด จ.ตราด) เกาะกูด เกาะสุดท้ายปลายแดนไทย ที่มีความบริสุทธิ์ของวิถีชีวิตและท้องทะเลโปรยเสน่ห์ใส่นักเดินทาง (อ.เกาะกูด จ.ตราด) เกาะขาม มหัศจรรย์แห่งหินภูเขาไฟสีดำและริ้วทรายแสนสวย (ตั้งอยู่ใกล้ๆ กับเกาะหมาก) เกาะกระดาด เกาะนี้ไม่มีอะไรนอกจากกวาง แต่เพราะฝูงกวางนี่แหละที่ทำให้ที่นี่ไม่มีที่ใดเหมือน (ทางตะวันออกเฉียงเหนือของเกาะหมาก) พุทธมณฑลตราด ศูนย์รวมกิจกรรมเพื่อพุทธศาสนิกชนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของเมืองตราด (ตั้งอยู่บริเวณสวนสาธารณะ 200 ปี ข้างองค์การบริหารส่วนจังหวัดตราด) วัดบุปผาราม ที่สุดของอารามเก่าแก่คู่เมืองตราด ที่สุดแห่งประวัติศาสตร์อัดแน่นในพิพิธภัณฑ์น่าศึกษา (อ.เมือง จ.ตราด) | ||||
ไม่เพียงเป็นดินแดนที่ต้อนรับทุกคนด้วยท้องทะเลสงบงาม วิถีประมงอบอุ่นเท่านั้น หากจันทบุรียังโอบรับทุกคนไว้ด้วยอ้อมกอดของสวนแห่งความสุขหวานฉ่ำล้ำรสผลไม้อร่อย สวนผลไม้ อิ่มอร่อยกันไม่อั้นกับบุฟเฟ่ต์ผลไม้สดๆ จากสวน โดยเฉพาะฤดูผลไม้ระหว่างเดือนพฤษภาคม - มิถุนายน (สวนผลไม้กระจายทั่วจันทบุรี) ตลาดผลไม้เนินสูง ช็อป ชม ชิม อิ่มอร่อยกับผลไม้หวานฉ่ำของจันทบุรี (หมู่ 4 ต.เขาวัว อ.ท่าใหม่ ริมถนนสุขุมวิท) หาดคุ้งวิมาน วิวทะเลสวยของเมืองจันท์เต็มเติมฝันของคนรักทะเล (อ.นายายอาม ห่างจากตัวเมืองจันทบุรี 50 กิโลเมตร) ถนนเฉลิมบูรพาชลทิศ โลดแล่นไปบนถนนเลียบทะเลที่สวยที่สุดในเมืองไทย หาดเจ้าหลาว โมงยามอันผ่อนคลายริมชายทะเลเงียบสงบ (ต.คลองขุด อ.ท่าใหม่ อยู่ทางทางด้านตะวันออกของ อ่าวคุ้งกระเบน) จุดชมวิวเนินนางพญา มุมมองจากเส้นโค้งของถนนขนานไปกับผืนทะเลงาม ที่ทำให้คนรักการถ่ายภาพรัวชัตเตอร์ไม่หยุด จุดชมวิวหลวงพ่อพระยืน ภาพของยามเย็น เส้นขอบฟ้า และอาทิตย์ตกดินที่ยากจะลืมเลือน ศูนย์ส่งเสริมอัญมณีและเครื่องประดับ ใหญ่ที่สุดในเมืองไทยกับศูนย์การเรียนรู้ทุกเรื่องราวอันทรงคุณค่าของอัญมณี (1/29 ถ.มหาราช ต.ตลาด อ.เมือง จ.จันทบุรี โทร.0-3930-3118) ตลาดพลอย ตำนานแห่งย่านการค้าพลอยเจียระไนใหญ่ที่สุดของประเทศ (ภายในบริเวณถนนศรีจันท์และซอยกระจ่าง) อาสนาวิหารพระนางมารีอาปฏิสนธินิรมล นิยามแห่งความงามสง่าที่หาใดเปรียบปาน อลังการโบสถ์คริสต์ในเมืองจันท์ (ตั้งอยู่ในบริเวณโรงเรียนสตรีพิทักษ์ ต.จันทนิมิตร อ.เมือง โทร.0-3931-1578 www.cathedralchan.or.th) ย่านเก่าริมน้ำจันทบูร ถนนท่าหลวง เดินเล่นชมตึกเก่าคลาสสิก นั่งไทม์แมชชีนย้อนสู่วิถีสงบงามริมน้ำจันทบุรี (ตั้งอยู่ที่ถนนท่าหลวง ต.ท่าช้าง อ.เมือง) อุทยานแห่งชาติน้ำตกพลิ้ว ความสดชื่นจากสายน้ำตก ที่มาพร้อมฝูงปลาพลวงละลานตา เริงร่ากลางสายน้ำ (ตั้งอยู่ใน อ.แหลมสิงห์) ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสิน หัวใจของชาวเมืองจันท์ที่ผูกพันกับมหาราชพระองค์นี้ไม่เสื่อมคลาย (ทุ่งนาเชย อ.เมือง) ตึกแดง ตึกสีแดงกับเสี้ยวหนึ่งในหน้าประวัติศาสตร์ที่ยังคงเล่าขานไม่รู้จบ (ตั้งอยู่ที่ ต.ปากน้ำแหลมสิงห์ อ.แหลมสิงห์) หาดแหลมสิงห์ หมู่บ้านประมงเรียบง่าย ความสุขใต้ทิวสน และปากแม่น้ำจันทบุรีอันยิ่งใหญ่ (ต.ปากน้ำแหลมสิงห์ ห่างจากตัวเมืองจันทบุรี 30 กิโลเมตร) ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน อันเนื่องมาจากพระราชดำริ รื่นรมย์บนสะพานไม้ เพลินใจไปกับนิเวศป่าชายเลนสมบูรณ์ที่สุดของจันทบุรี (ต.คลองขุด อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี โทร.0-3936-9216-8 http://www.fisheries.go.th/cf-kung_krabaen) | ||||
ยุทธจักรความอร่อย จ.ตรัง ความอร่อย 24 ชั่วโมงเป็นสิ่งที่อยู่คู่ตรังมายาวนาน ตำนาน “เมืองแห่งคนช่างกิน” จากเสน่ห์ของเมืองที่มีความสงบ เงียบและเรียบง่ายบวกกับวิถีวัฒนธรรมการกินที่เป็นเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็น หมูย่างหนังกรอบ ติ่มซำคำโต ขนมเค้กมีรูเนื้อนุ่มลิ้น และเมนูพื้นบ้านอาหารพื้นเมืองจานเด็ด ที่ทุกท่านไม่ควรพลาดลิ้มลองอีกมากมาย Chill Chill ใจกลางเมืองตรัง ชมย่านการค้า ตึกชิโนโปรตุกีส แวะถ่ายรูปหอนาฬิกา ชิมของอร่อยหลากหลาย อิ่มอร่อยยามเช้า เริ่มต้นเรียนรู้วิถีคนช่างกินทุกตรอกซอกซอยกว่า 100 ร้าน กับเมนูอาหารเช้าชาวตรัง ด้วย โกปี๊ แซล้อง จาโก้ย ติ่มซำ ซาลาเปา และหมูย่างเมืองตรัง อิ่มอร่อยอาหารหลักมื้อกลางวันและเย็น ด้วยเมนูอร่อยเหาะ กับแกงไตปลา (ปลาทู) ร้านโกยาว หมูเกาหยุกร้านสีฟ้าไลฟ์สไตล์ฟู้ด แกงคั่วพริกกระดูกอ่อน แกงส้ม ราดหน้าซุปเปอร์ ข้าวยำ ขนมจีน เมนูเส้นหลากหลาย อิ่มอร่อยยามว่างกับร้านกาแฟร่วมสมัย อิ่มอร่อยรอบค่ำ จิบน้ำชายามค่ำคืนกับเมนูติ่มซำ และสารพัดโรตี ลัดเลาะรอบรั้วเมืองตรัง อร่อยที่อำเภอห้วยยอด ชมต้นตำรับเค้กเมืองตรัง ขนมจีบไส้สังขยา ณ บ้านลำภูรา หลบร้อนถ้ำเลเขากอบ ลอดท้องมังกรเสริมสิริมงคล แวะเยี่ยมอุทยานมังกร วังเทพทาโร ชิมอาหารพื้นบ้านเมนูเด็ดร้านอาหารเรือนผู้การ / ร้านอาหารจีนดำ สักการะพระนอนทรงเทริดโนห์รา วัดภูเขาทอง เที่ยวนาโยง ชมผ้าทอ แลถ้ำเขาช้างหาย ย้อนรอยเส้นทางเขาพับผ้า สักการะอนุสาวรีย์พระยารัษฎาขนาดจิ๋ว ระหว่างแวะชิมริมทางร้านอาหารเรือนสุมาลี ร้านอาหารเขาพับผ้า ลิ้มลองเค้กกนิษฐา เค้กสายใจและเค้กท่าปาบ ผ่าน อ.ย่านตาขาว ต้องห้ามพลาดบะหมี่เกี๊ยวหมูแดงร้านดั้งเดิม 4 รุ่น “ร้านเย็นฤดี” สัมผัสป่าใหญ่ใกล้เมือง สูดโอโซนจากปอดธรรมชาติ ณ สวนพฤกษศาสตร์สากลภาคใต้ (ทุ่งค่าย) แวะ Plan Toy พิพิธภัณฑ์ของเล่นเด็กจากผลิตภัณฑ์ไม้ยางพารา แวะเมืองเก่ากันตัง สุดทางรถไฟฝั่งอันดามัน ลิ้มลองราดหน้าซุปเปอร์ต้นตำรับร้านโกเกี๊ย อาหารทะเลสดๆ ร้านริมน้ำ ร้านล่อคุ้ง และร้านครัวลำพู ชิมกาแฟริมรางรถไฟ “สถานีรัก” กินลม ชมวิวชายหาดปากเมง ลิ้มลองอาหารทะเลสดๆ ที่ ร้านอาหารเลตรัง ร้านอาหารครูคิด ร้านอาหารยกยอ ร้านเกาะปูเกาะปลา | ||||
เมื่อเสน่ห์ของผืนทรายยาวไกลสุดสายตา พร้อมด้วยความละเอียดและเนียนนุ่มของเม็ดทราย จึงเป็นดั่งเรื่องราวแสนหวานของชุมพรที่เล่าขานสู่กันฟังได้ทุกเมื่อเชื่อวัน ...ท่านจะเป็นคนแรกที่ได้ประทับรอยเท้าลงบนผืนทรายสวยของชุมพร แห่งนี้ หาดถ้ำธง - บางเบิด : พบกับ “หนึ่งในสยาม ทรายงามที่ชุมพร” (อ.ปะทิว) ศูนย์ศึกษาธรรมชาติเขาดินสอ : ในเดือนตุลาคมของทุกปี จะก่อเกิดปรากฏการณ์แห่งสายธารเหยี่ยวจำนวนมากกว่า 2 แสนตัว บินมารวมตัวกันร่อน เล่น ลมร้อน อวดสายตานักท่องเที่ยว จึงเป็นจุดดูเหยี่ยวอพยพที่ดีติดอันดับ 1 ใน 5 ของโลก แน่นอนว่าคุณต้องห้าม...พลาด (อ.ปะทิว) จุดชมวิวเขาดินสอ จุดชมวิวที่ต้องห้าม...พลาด สามารถมองเห็นทิวทัศน์ท้องทะเลที่สวยสดและงดงาม (อ.ปะทิว) หาดทุ่งวัวแล่น ชายหาดที่มีความโค้งเว้าเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งเสี้ยว เม็ดทรายสีขาวนวลละเอียดทอดตัวยาวสุดสายตา (อ.ปะทิว) จุดชมวิวเขามัทรี แลนมาร์คแห่งใหม่ของจังหวัดชุมพรที่สามารถเห็นทิวทัศน์ที่งดงามของท้องทะเลและชุมชนปากน้ำชุมพรได้เกือบ 360 องศา ศาลกรมหลวงชุมพร แวะสักการะอนุสรณ์สถานของพลเรือเอกพระบรมวงศ์เธอกรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ ตัวศาลอยู่บนเรือรบหลวงพระร่วงจำลองที่หันหน้าออกสู่ทะเล ซึ่งเป็นจุดที่มองเห็นทิวทัศน์ของหาดทรายรีได้ชัดเจนตลอดเวิ้งอ่าว (อ.เมือง) หาดทรายรี ชายหาดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดชุมพร หาดทรายทอดตัวยาวไปตามโค้งอ่าวอย่างสวยงาม (อ.เมือง) หาดทรายรีสวี ชายหาดที่สวยที่สุดในอำเภอสวี บรรยากาศเงียบสงบ แนวชายหาดทอดตัวยาว ขนานกับทิวมะพร้าว เหมาะแก่การพักผ่อนและขับรถชมวิวทิวทัศน์ (อ.สวี) จุดชมวิวเขาหัวถ่าน อีกหนึ่งจุดชมวิวที่เห็นวิวท้องทะเลหมู่เกาะชุมพรได้อย่างสวยงาม (อ.สวี) หาดอรุโณทัย เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นริมทะเลที่สวยงาม ในยามเช้าจะเห็นตะวันขึ้นพ้นขอบฟ้าที่มีสีสันสวยงาม จึงเป็นที่มาของชื่อหาดอรุโณทัย และที่นี่ยังสามารถพบเห็นวิถีชีวิตชาวประมงพื้นบ้านได้อีกด้วย เกาะพิทักษ์ เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวอย่างมาก ชายหาดที่มีบรรยากาศเงียบสงบ เหมาะแก่การพักผ่อน ด้านหลังเกาะมีจุดชมวิวบริเวณโดยรอบ หากวันที่น้ำทะเลลดระดับสามารถเดินเท้าจากท่าเรือข้ามมายังเกาะได้ สวนกาแฟโรบัสต้า เดือนธันวาคมเป็นต้นไป จังหวัดชุมพรจะหอมกรุ่นกลิ่นดอกโรบัสต้าแท้กาแฟชุมพร ที่ผลิดอกชูช่อรอต้อนรับนักท่องเที่ยวอย่างสวยงาม | ||||
ชวนท่องนครสองธรรม พบกับสองมุมต่างที่หลอมรวมเป็นหนึ่งเดียวในนครศรีธรรมราช เมื่อ “ธรรมะ” กับ “ธรรมชาติ” คือเอกภาพที่ไม่สามารถแยกจากกัน วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร พระบรมธาตุยอดทองคำ อัศจรรย์ไร้เงา พลังศรัทธาที่หยั่งลึกลงบนผืนแผ่นดินนครศรีฯ (ถ.ราชดำเนิน ต.ในเมือง อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช) วัดธาตุน้อย พ่อท่านคล้ายวาจาสิทธิ์ วาจาศักดิ์สิทธิ์ไม่เคยสูญสิ้นศรัทธา (ต.หลักช้าง กิ่งอ.ช้างกลาง จ.นครศรีธรรมราช) บ้านหนังตะลุง สุชาติ ทรัพย์สิน ธรรมปรัชญาบนผืนหนังที่เป็นมากกว่าตัวละคร (10/18 ถ.ศรีธรรมโศก ซอย 3 อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โทร.0-7534-6394) พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช ย้อนเวลากลับไปหาอาณาจักรตามพรลิงค์อันเกรียงไกร (อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช โทร.0-7534-1075, 0-7534-0419) น้ำตกกรุงชิง นอกจากความงามของที่นี่ สายน้ำแห่งนี้ยังมีอดีตที่ชวนให้ค้นหา (ที่ทำการหน่วยอุทยานแห่งชาติเขาหลวง หน่วยพิทักษ์ป่ากรุงชิง โทร.0-7530-0494, 0-7546-0463) โลมาหาดขนอม ตื่นเต้นไปกับความน่ารักของเจ้าโลมาสีชมพู (อุทยานแห่งชาติขนอม-หมู่เกาะทะเลใต้หมู่ที่ 1 ต.ขนอม อ. ขนอม จ.นครศรีธรรมราช ) น้ำตกกะโรม สีสันของสายน้ำที่ดิ่งลงจากผาสูง (อุทยานแห่งชาติเขาหลวง ต.เขาแก้ว อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช โทร.0-7530-0494) หาดหินงาม ก้อนหินน้อยใหญ่ที่ก่อตัวกันกลายเป็นความงาม (อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช) หาดทรายแก้ว ต้นมะพร้าว หาดทรายขาว และบรรยากาศสดชื่น (ต.ท่าขึ้น อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช) หาดในเพลา หาดทรายที่ความวุ่นวายเข้าไปไม่ถึง (อ.ขนอม จ.นครศรีธรรมราช) หาดสิชล ใจกลางของความสงบงาม (อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช) แหลมตะลุมพุก แม้วันวานเคยผ่านเรื่องร้ายๆ แต่วันนี้กลับกลายเป็นวิถีประมงอบอุ่น (อ.ปากพนัง จ.นครศรีธรรมราช ) หมู่บ้านคีรีวง หัวใจแห่งการอนุรักษ์ที่น่ายกย่อง (ต.กำโลน อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช โทร.0-7553-3113) เขาหลวง ภูสูงเทียมฟ้า วิวพานอรามาแห่งนครศรีธรรมราช (อุทยานแห่งชาติเขาหลวง ต.เขาแก้ว อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช โทร.0-7530-0494) อ้างอิง : http://www.manager.co.th/ |
สมัครสมาชิก:
บทความ (Atom)