1.
แบ่งเวลาเป็น
ถึงแม้ว่าเราจะชอบเล่นเกมส์ อ่านการ์ตูน เล่นกีฬา ดูหนัง ฟังเพลง ช้อปปิ้ง ฯลฯ ขอแค่เราแบ่งเวลาให้เป็น เวลาไหนเล่นก็เล่น เวลาไหนเรียนก็เรียน จะเล่นวันละกี่ชั่วโมงก็ได้ แต่ขอเจียดเวลามาเรียนนอกเหนือจากในห้องเรียนสักวันละ 30 นาที – 1 ชั่วโมงก็พอแล้ว
2. ทบทวนล่วงหน้า-หลังเรียน
อ่านล่วงหน้าก่อนเข้าห้องเรียนสัก 10-15 นาที อ่านผ่านๆแค่หัวข้อก็พอว่าวันนี้เราจะเรียนอะไรบ้าง พอตกเย็น ก็อ่านทบทวนผ่านๆอีกรอบว่าวันนี้เราเรียนอะไรไป วันต่อวัน มันจะเข้าไปอยู่ในหัวเอง
อ่านล่วงหน้าก่อนเข้าห้องเรียนสัก 10-15 นาที อ่านผ่านๆแค่หัวข้อก็พอว่าวันนี้เราจะเรียนอะไรบ้าง พอตกเย็น ก็อ่านทบทวนผ่านๆอีกรอบว่าวันนี้เราเรียนอะไรไป วันต่อวัน มันจะเข้าไปอยู่ในหัวเอง
3. ไม่ผลัดวันประกันพรุ่ง
แม้หลายๆคนจะรู้อยู่ว่าดินพอกหางหมูไม่ดี แต่ก็เชื่อว่าทุกๆคนก็เคย หรือยังมีดินพอกหางหมูอยู่ทั้งนั้น มันลำบากมากที่ต้องมาตามแก้ดินพอกหางหมู บางครั้งใช้เวลามากกว่าเดิมเสียอีก
แม้หลายๆคนจะรู้อยู่ว่าดินพอกหางหมูไม่ดี แต่ก็เชื่อว่าทุกๆคนก็เคย หรือยังมีดินพอกหางหมูอยู่ทั้งนั้น มันลำบากมากที่ต้องมาตามแก้ดินพอกหางหมู บางครั้งใช้เวลามากกว่าเดิมเสียอีก
4. ไม่อัดเนื้อหาก่อนสอบ
มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนว่า สมองของคนเรา จะสามารถจดจำเรื่องราวต่างๆได้ดีโดยค่อยๆจดค่อยๆจำสะสมไปเรื่อยๆ ถ้ามาพยามจดจำในระยะเวลาสั้นๆมันจะไม่เข้าหัว
มีเหตุผลทางวิทยาศาสตร์สนับสนุนว่า สมองของคนเรา จะสามารถจดจำเรื่องราวต่างๆได้ดีโดยค่อยๆจดค่อยๆจำสะสมไปเรื่อยๆ ถ้ามาพยามจดจำในระยะเวลาสั้นๆมันจะไม่เข้าหัว
5. ลงมือทำโจทย์ แบบฝึกหัด การบ้าน
หลายคนมักมองข้ามการทำโจทย์และแบบฝึกหัดต่างๆ แล้วกลับไปให้ความสำคัญกับการเรียนเนื้อหาหรือทฤษฎีต่างๆ นั่นเป็นความคิดที่ผิด สิ่งที่ควรทำคือให้ใช้เวลาเรียนทฤษฎีนิดเดียว แล้วใช้เวลาที่เหลือไปทุ่มเทให้กับการทำแบบฝีกหัด อย่างหนักทุกวันๆ
หลายคนมักมองข้ามการทำโจทย์และแบบฝึกหัดต่างๆ แล้วกลับไปให้ความสำคัญกับการเรียนเนื้อหาหรือทฤษฎีต่างๆ นั่นเป็นความคิดที่ผิด สิ่งที่ควรทำคือให้ใช้เวลาเรียนทฤษฎีนิดเดียว แล้วใช้เวลาที่เหลือไปทุ่มเทให้กับการทำแบบฝีกหัด อย่างหนักทุกวันๆ
6. ทำ mindmap
มันจะง่ายกว่าเยอะมากถ้าเรามองความสัมพันธ์ของเนื้อหาทั้งหมดโดยรวม ว่ามันเกี่ยวข้องกับอะไร แล้วมีหัวข้ออะไรบ้าง แต่ละหัวข้อเกี่ยวข้องกันอย่างไร อย่างการทำ mindmap นั้นช่วยได้เยอะเลย
มันจะง่ายกว่าเยอะมากถ้าเรามองความสัมพันธ์ของเนื้อหาทั้งหมดโดยรวม ว่ามันเกี่ยวข้องกับอะไร แล้วมีหัวข้ออะไรบ้าง แต่ละหัวข้อเกี่ยวข้องกันอย่างไร อย่างการทำ mindmap นั้นช่วยได้เยอะเลย
7. ทำสรุปเนื้อหาด้วยตัวเอง
การทำสรุปเนื้อหาจะช่วยให้เป็นการทบทวนเนื้อหาไปในตัว อาจจะมีสรุปของเพื่อนที่เก่งๆก็ได้ แต่สำคัญคือให้ทำเวอร์ชันของตัวเองด้วย ที่สำคัญคือเมื่อตัวเองมาอ่านสรุปของตัวเองแล้วนั้น มันจะจำได้ชัดเจนมากกว่าการอ่านสรุปของคนอื่นมากๆ
การทำสรุปเนื้อหาจะช่วยให้เป็นการทบทวนเนื้อหาไปในตัว อาจจะมีสรุปของเพื่อนที่เก่งๆก็ได้ แต่สำคัญคือให้ทำเวอร์ชันของตัวเองด้วย ที่สำคัญคือเมื่อตัวเองมาอ่านสรุปของตัวเองแล้วนั้น มันจะจำได้ชัดเจนมากกว่าการอ่านสรุปของคนอื่นมากๆ
8. ติวเป็นกลุ่มกับเพื่อน ผลัดกันถาม ผลัดกันตอบ
การอ่านคนเดียวบางครั้งเราก็มองข้ามเรื่องสำคัญบางเรื่องไป การจับกลุ่มกะเพื่อน ติวหรือผลัดกันถามตอบก่อนสอบ จะทำให้เราได้ในส่วนที่เรามองข้ามไป บางครั้งการจับกลุ่มถามตอบก่อนเข้าห้องสอบไม่กี่ชั่วโมงก็ทำให้เราจำอะไรดีๆได้มากกว่าที่คิดอีกนะ
การอ่านคนเดียวบางครั้งเราก็มองข้ามเรื่องสำคัญบางเรื่องไป การจับกลุ่มกะเพื่อน ติวหรือผลัดกันถามตอบก่อนสอบ จะทำให้เราได้ในส่วนที่เรามองข้ามไป บางครั้งการจับกลุ่มถามตอบก่อนเข้าห้องสอบไม่กี่ชั่วโมงก็ทำให้เราจำอะไรดีๆได้มากกว่าที่คิดอีกนะ
9. มั่นใจในตัวเอง
ข้อห้ามที่สำคัญมากๆ ห้ามคิดว่าตัวเองไม่เก่งแล้วไม่สามารถทำได้เด็ดขาด เด็กไม่เก่งก็มีวิธีเรียนดีของเด็กไม่เก่งเหมือนกัน ท้อได้แต่ห้ามยอมแพ้เด็ดขาด
ข้อห้ามที่สำคัญมากๆ ห้ามคิดว่าตัวเองไม่เก่งแล้วไม่สามารถทำได้เด็ดขาด เด็กไม่เก่งก็มีวิธีเรียนดีของเด็กไม่เก่งเหมือนกัน ท้อได้แต่ห้ามยอมแพ้เด็ดขาด
10. ดูแลตัวเอง กินให้พอ นอนให้พอ
ร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ กินอิ่มนอนหลับ จะส่งผลให้สมองปลอดโปร่งตามไปด้วย พอสมองปลอดโปร่งก็จะจำอะไรได้ง่ายกว่า เร็วกว่า เยอะกว่า
ร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ กินอิ่มนอนหลับ จะส่งผลให้สมองปลอดโปร่งตามไปด้วย พอสมองปลอดโปร่งก็จะจำอะไรได้ง่ายกว่า เร็วกว่า เยอะกว่า
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น